วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดทั่วโลก


ข่าวคราวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 ปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 แล้ว แต่ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกกังวลว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะสร้างความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ทั้งนี้ประเทศแถบเอเชียใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้กระปุกจึงนำเรื่องราวของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้ค่ะ
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนภัยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระดับ 5 หมายถึง มีการติดต่อของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน และแพร่ระบาดไปอย่างน้อยสองประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 12,954 รายแล้ว ใน 46 ประเทศ และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 92 ราย ขณะที่ในประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 85 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 4,721 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2552)
การติดต่อโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009



เชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีการติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป และเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยระยะฟักเชื้อของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน หากผู้ป่วยได้รับเชื้อมากระยะฟักตัวก็จะเร็ว ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยด้วยว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้เชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ซึ่งสามารถแพ้เชื้อได้ ตั้งแต่ผู้ติดเชื้อยังไม่ปรากฎอาการ หรือหลังจากปรากฎอาการไข้แล้ว
ขณะที่นักวิชาการขององค์การอนามัยโลก ระบุไว้ว่า โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอัตราการแพร่ระบาดมากกว่าโรคซาร์ส และไข้หวัดนก แต่อัตราการเสียชีวิตมีน้อยกว่า คืออยู่ที่ร้อยละ 5-7 ขณะที่โรคไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 60

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009

เมื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่าและรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ ห้าวันหลังจากมีอาการ ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้ นาน 10 วัน
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอักเสบตามมา รวมถึงหัวใจวาย และอาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งโรคแทรกซ้อนนี้สามารถคร่าชีวิตได้ หากผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และติดยาเสพติด เป็นต้น

ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วพบว่าตัวเองมีไข้สูง 38.5 องศา มีไข้นานเกิน 7 วัน เจ็บหน้าอก ปวดท้อง อาเจียน มีจุดเลือดตามตัว ตาเหลือง เจ็บคอมาก มีเสมหะสีเขียวๆ เหลืองๆ ผิวสีม่วง หรือได้พยายามรักษาตัวเองแล้ว แต่ยังไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ด้วยวิธี PCR ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้สามารถหาเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และควรเข้ารับการตรวจรักษาภายในห้องตรวจพิเศษ Negative Pressure เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อไวรัสต่อไปยังผู้อื่น
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009


โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งวิธีการป้องกันการติดต่อของโรคได้ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด และล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งผู้ที่ป่วยเป็นหวัด ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโอกาสการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จะเข้าไปผสมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลในตัวผู้ป่วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเชื้อใหม่ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดื้อยาเพิ่มขึ้น และแพร่ระบาดจากคนสู่คนมากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้หากใครที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และมีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที เพื่อจะได้เฝ้าระวังและรักษาได้ทัน



วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ถาพสวยๆกับความหมายดีของชีวิต


คนบางคนใช้ชีวิต ดังเช่นกระท่อม ..
โดดเดียว .. สมถะ ..
แต่ก็มีน้ำใจ .. ช่วยเหลือนักเดินทางอยู่เสมอๆ ..



แม้ว่าเส้นทางที่เราเลือก..
จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ..
แต่ก็เป็นเส้นทาง.. ที่เราเลือกเดินเอง ..

กาแฟ แม้มีรสขม .. แต่ก็ทำให้เราเข้มแข็ง ..
เช่นเดียวกับความรักที่ผิดหวัง ..
ที่แม้พลาดพลั้ง ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ..

พักผ่อน เป็นสิ่งสำคัญ ..
หากว่าวันนี้อ่อนล้า แต่ยังคงไม่พักผ่อน ..
แล้วพรุ่งนี้จะมีแรงสู้กับอุปสรรคได้อย่างไร ..

เก้าอี้ที่ว่างเปล่า .. ไม่ได้บ่งบอกว่า ร้านนี้อาหารไม่อร่อย ..
อันที่จริง .. เราอาจแค่ มาก่อนเวลา ..



แม้ว่า ลมหนาว .. จะทำให้เราหนาวเย็นสักเท่าไร ..
ขอเพียงใจเราอบอุ่น .. จะใส่ใจไปทำไมกับลมหนาว ..


เรารัก คนที่เรารัก ได้ตลอดเวลา ..
แม้แต่ตัวเราเอง ก็อาจไม่รู้สึกเลยว่า ..
ความรักของเรา เป็นเช่นนั้นจริงๆ ..


ทางโค้ง .. แม้จะเป็นอุปสรรค์ที่ยากลำบาก ..
แต่ก็เป็นสีสัน .. ทำให้การเดินทาง .. มีชีวิตชีวา ..


ระยะทางแม้ยาวไกล .. หากใจมุ่งมั่น ..
แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ..
แต่ก็สามารถไปถึงที่หมาย .. ไม่ต่างกัน ..


แม้ว่าพระอาทิตย์ ลาลับไป .. จงอย่าเสียใจ เข้มแข็งไว้ ..
วันพรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะกลับมาใหม่ .. และอบอุ่น เช่นเดิม ..


แม้ว่าจะเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล .. ก็ไม่ควรเร่งร้อน ..
เพราะถ้าตกบันได ..เราอาจต้องกลับมาเริ่มใหม่ ..







































วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ครั้งแรกในโลก! "Gold To Go!" ตู้ขายทองอัตโนมัติ




นักค้าทองเมืองเบียร์หัวใส ตั้งตู้ขายทองอัตโนมัติตามแหล่งชุมชน หวังกระตุ้นให้ประชาชนหันมาซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยทองที่นำมาจำหน่ายจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กรัม (ราคาพันกว่าบาท) ขึ้นไป และบรรจุอยู่ในกล่องพร้อมใบรับรองอย่างดี
ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือที่ผู้จำหน่ายเรียกว่า ตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!" ดังที่เห็นในภาพ ถูกนำมาเปิดตัวและติดตั้งภายในสถานีรถไฟหลัก ที่กรุงแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เป็นเวลา 1 วัน เพื่อทดลองตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ตู้ดังกล่าวเป็นของบริษัท TG-Gold-Super-Markt.de ในประเทศเยอรมนี ซึ่งทำธุรกิจค้าทองคำผ่านทางระบบออนไลน์ บริษัทฯ เล็งเห็นว่าปริมาณความต้องการทองคำของนักลงทุนทั้งในเยอรมนีและทั่วโลก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณทองคำในครอบครองของประชาชนคนทั่วไป (ในเยอรมนี) ยังมีไม่มากนัก จึงเกิดไอเดียในการขายทองผ่านตู้อัตโนมัติ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนส่วนใหญ่ และช่วยให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก และยังสามารถนำไปเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้อีกด้วย


ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!"นี้ จะจำหน่ายทองคำน้ำหนัก 1 กรัม 5 กรัม และ 10 กรัม รวมทั้งเหรียญทอง Krugerrand จากแอฟริกาใต้ โดยแต่ละตู้สามารถบรรจุทองคำได้ 1,500 กล่อง


ภาพตัวอย่างเหรียญทอง Krugerrand

อย่างไรก็ตาม ทองคำที่นำมาขายผ่านตู้อัตโนมัติส่วนใหญ่ จะเป็นทองคำแท่งไซส์จิ๋ว น้ำหนักเพียง 1 กรัม (0.0353 ออนซ์) จำหน่ายในราคาแท่ง (หรืออัน) ละประมาณ 31 ยูโร หรือราวๆ 1,462 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาทองคำในตลาด ณ ขณะนั้น) ซึ่งในรายงานข่าวระบุว่าแพงกว่าราคาตลาดประมาณ 30% เนื่องจากทองคำขนาดเล็กจะมีต้นทุนในการผลิต



ทองคำทุกขนาดที่จำหน่ายผ่านทางตู้อัตโนมัติ "Gold To Go!" จะบรรจุอยู่ในกล่องดีบุกอย่างดี
และมีใบรับรองคุณภาพแนบมาให้ทุกกล่อง

ปกติแล้วเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติโดยทั่วไป มักให้ผู้ซื้อหยอดเหรียญ หรือไม่ก็ชำระด้วยเครดิตการ์ด แต่ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!" นี้จะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น (ชำระเงินในลักษณะเดียวกับการฝาก/โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม) และจะถูกนำไปติดตั้งตามแหล่งชุมชน อาทิ สนามบิน สถานีรถไฟ และศูนย์การค้า เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาซื้อทองคำเก็บไว้ในครอบครองเพิ่มมากขึ้น นาย Thomas Geissler เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร บริษัท TG-Gold-Super-Markt.de เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนติดตั้งตู้ขายทองอัตโนมัติ จำนวน 500 ตู้ ตามแหล่งชุมชนในประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักของบริษัท TG-Gold-Super-Markt.de ยังคงเป็นการขายทองคำผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทองที่จำหน่ายเว็บไซต์ของบริษัทฯ จะมีน้ำหนักระหว่าง 1-1,000 กรัม และจะมีการอัพเดทราคาทองคำทุกๆ 10 นาที (ราคาทองคำที่ขายผ่านตู้อัตโนมัติจะอิงตามราคาในเว็บไซต์ และจะอัพเดทตลอดเวลาเช่นกัน)

TG-Gold-Super-Markt.de เป็นบริษัทลูกของ INFOS GmbH ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนออนไลน์ในประเทศเยอรมนี ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1994 ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวดูแลพอร์ตการลงทุนให้แก่ลูกค้ากว่า 5 พันราย หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

โรคไข้หวัดหมู มหันตภัยตัวใหม่


โรคไข้หวัดหมู
เชื้อไวรัสหวัดหมู นับเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน วงการแพทย์ตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า H1N1 เอชวันเอ็นวัน เป็นเชื้อไข้หวัดที่ผสมหวัดคน หวัดหมูปนกับหวัดนก ซึ่งสามารถระบาดจากคนสู่คน ได้โดยไม่จำเป็น ต้องมีการสัมผัสกัน และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ อาจไม่สามารถป้องกันเชื้อชนิดใหม่นี้ได้
ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมชี้ว่า เชื้อหวัดใหญ่ ชนิดนี้เป็นส่วนผสมของไวรัสจากหมู มนุษย์ และสัตว์ปีก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน การที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัย 25-45 นับเป็นสัญญาณที่น่าวิตกว่า อาจเป็นโรคระบาด เนื่องจากโดยทั่วไปนั้นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมักทำให้เกิดการเสียชีวิตในคน ชราและเด็กเล็กเป็นหลัก “เราตระหนักว่าปัญหานี้เป็นเรื่องร้ายแรง” ประธานาธิบดีเฟลิเป คาลเดอรอน ของเม็กซิโกกล่าว
โรคไข้หวัดหมู ได้แพร่ระบาดในประเทศเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 ราย และยังได้ทำให้เกิดการติดเชื้อ ในคนไข้ในสหรัฐ และกำลังแพร่เข้าสู่แคนาดาด้วย
องค์การอนามัยโลกระบุว่า เชื้อไวรัสจากคนไข้ชาวเม็กซิกัน 12 คนเป็นสายพันธุ์ใหม่ของไข้หวัดใหญ่ในหมู ซึ่งมีชื่อสายพันธุ์ว่า H1N1 โดยเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่พบในคนไข้ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียและเทกซัสจำนวน 8 คนซึ่งมีอาการดีขึ้นแล้ว
รัฐมนตรีสาธารณสุข โฮเซ แองเจล คอร์โดวา กล่าวในรายการข่าวโทรทัศน์ภาคค่ำ แนะนำให้ประชาชน หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนและสวมหน้ากากปิดปากและจมูก และวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจไม่สามารถป้องกัน เชื้อชนิดใหม่นี้ได้ เขาบอกด้วยว่า อัตราการตายดูจะยังทรงตัว ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในอัตราเพิ่มอย่างรวดเร็ว อย่างที่วิตกกังวลกัน และว่า เม็กซิโกมียาป้องกันไวรัส 1 ล้านชุด ซึ่งเพียงพอแก่การรักษา
ในเม็กซิโกซิตี ซึ่งมีประชากร 20 ล้านคน ทหารได้ออกแจกจ่ายผ้าปิดปาก และรัฐบาลเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยง การสัมผัสใกล้ชิดกับคนป่วย และการกินอาหารร่วมกัน
ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐ แถลงว่า ไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ มีลักษณะพันธุกรรม หรือยีน แตกต่างจาก ไวรัสไข้หวัดหมู ในอดีต เพราะมีองค์ประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ประกอบด้วย
1.เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ
2.เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์
3.เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง
ดร.แนนซี่กล่าวต่อว่า สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดหมู พันธุ์ใหม่เกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ “Antigenetic Shift” ซึ่งเชื้อไวรัส ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และ ไข้หวัดใหญ่ อาจเข้าไปอยู่ในตัวหมูที่เป็นพาหะนำโรค ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าว ผสมปนเปกัน ระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา ตามปกติเชื้อไข้หวัดหมูจะติดคนที่สัมผัสหมูโดยตรงเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าหมู แต่เชื่อว่าอาจแพร่จากคนสู่คนผ่านการไอ การจาม หรือรับเชื้อจากวัสดุที่มีเชื้อโรค เกาะอยู่บนพื้นผิว แต่การบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงการแพร่ระบาดของ โรคไข้หวัดหมู ในเม็กซิโกว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กรมควบคุมโรค ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 25 เม.ย. จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก เพื่อติดตามว่าจะประกาศแจ้งเตือนความรุนแรงของโรคนี้อย่างไรบ้าง รวมทั้งจะต้องแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดอยู่หรือไม่ เท่าที่รับทราบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้แพร่ระบาดอยู่เพียงในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส
น.พ.คำนวณกล่าวต่อว่า ผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู จะมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่จะแสดงอาการรุนแรง และรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดา โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หมู แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดติดต่อจากคนสู่คน แตกต่างจากไข้หวัดนก ซึ่งติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ถือว่าสูงกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่ยังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ที่ผู้รับเชื้อจะมีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 60
ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าโรคนี้แม้เป็นสายพันธุ์หมู แต่ไม่เกี่ยวกับหมู ดังนั้นไม่อยากให้คนไทยแตกตื่น และกลัวการสัมผัส หรือรับประทานหมู เพราะเมื่อได้ยินว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู อาจทำให้กลัว ไม่กล้ากิน และไม่กล้าสัมผัสหมู
การแพร่เชื้อ ของ โรคไข้หวัดหมู
-มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน
-แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน (เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย )
-ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัส
อาการ โรคไข้หวัดหมู
-มีไข้สูง
-หายใจไม่สะดวก
-ปวดศีรษะ ปวดตา
-ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง
-อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน
คำแนะนำในการป้องกัน โรคไข้หวัดหมู เบื้องต้น เหมือนการป้องกันไข้หวัดธรรมดา คือ
-เมื่อเป็นหวัดเวลาจามจะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันการติดต่อ
-หมั่นล้างมือ
-หากมีอาการรุนแรง ไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศ ที่มีการแพร่ระบาด

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552


1. ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด ฤดูร้อน อากาศร้อน ต้องหาทางช่วยดับความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนกระทบร่างกายมากเกินไป เป็นหลักการที่ ถูกต้อง แต่วิธีการให้ความเย็นแทนที่ที่มีความเย็น ฯลฯ นับว่าไม่เหมาะสม
2. เครื่องดื่มที่เหมาะสมในหน้าร้อน ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือจะเสริมปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ หรือสมุนไพรอื่น ๆ ก็สามารถเลือกได้
3.ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตากลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่อแจ่มใส อาจทำให้เป็นหวัดได้ 4. การนอนพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ
5. อย่างด อาหารเช้า เพราะร่างกายต้องการ สารอาหาร เพื่อกระตุ้น ระบบเผาผลาญ ซึ่งจะช่วย ควบคุมน้ำหนัก ด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยง อาหาร จำพวก แป้งขัดขาว หรือ ของทอด ของมัน หากควบคุมอาหาร แล้วยังรู้สึก ท้องอืด และ อึดอัด อยู่ เม็กซ์ ทอมลินสัน นักโภชนาการ แนะนำให้ดื่ม น้ำชา เปปเปอร์มิ้นต์ ช่วยขับลม จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น
6. ดูแลสุขภาพของเด็กโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และทางเดิน
7. หญิงตั้งครรภ์กับการปฏิบัติตัวในหน้าร้อน คือ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นหวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป
8. บุคคลที่ต้องระวังให้มาก คนสูงอาย ุผู้ที่มีระบบย่อยที่ไม่ดี และคนที่มีม้ามบกพร่อง ผู้ที่มีลักษณะสามอย่างที่กล่าวมานั้น เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดด ถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไป และเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย อาการที่แสดงออก คือ ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน เป็นต้น
9. อย่าทา ครีมกันแดด อย่างเร่งรีบ แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ทาให้ทั่วถึงแม้แต่ ในร่มผ้า ด้วย โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลัง ว่ายน้ำ แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ตาม โดยควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรอง รังสียูวีเอและยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier
10. อากาศร้อนจัดมีผลต่อ อารมณ์ หงุดหงิด และ หดหู่ (SAD - Seasonal Affective Disorder) จากสถิติ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่า ผู้ชาย ดังนั้นลองออกไป เดินเล่น ช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงที่คนไม่มาก สิ่งสำคัญคือ พยายาม กระฉับกระเฉง เข้าไว้
11. หากผิวแสบร้อนจาก การโดนแดด แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้กิน ยาแอสไพริน เพื่อลด อาการเจ็บปวด แล้วลองแช่ตัว ใน อ่างน้ำ อุณหภูมิร่างกาย โดยใส่ ออยล์ สำหรับ แช่อาบ จากนั้น บำรุงผิว ด้วย โลชัน ที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ หรือ อาฟเตอร์ซันเจล และหลีกเลี่ยงแดด ในวันถัดไป
12. ลองทำ สเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียม อย่างง่าย ๆ คือ น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่ เอสเซ็นเชียลออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ 2 หยด และ สเปียร์มิ้นต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ใน กระบอกฉีด สำหรับพกติดตัว
13. หากต้องออกไปเผชิญ อากาศร้อน ภายนอก ควรใช้ เครื่องสำอาง เนื้อครีม ที่ปัจจุบันมี เนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามัน ปัดทับด้วย บรอนเซอร์ หรือ แป้งชนิดฝุ่นอ่านกันแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้ในหน้าร้อนนี้กันด้วยนะจ๊ะ เพื่อนๆ

ขีดเขียนเล่น ๆ ช่วยให้สมองตื่นอยู่สมอ

การขีดเขียนอะไรเล่น ๆในห้องเรียนหรือในห้องประชุมเห็นกันว่า ก่อให้ เกิดความรำคาญ แต่นักวิทยาศาสตร์กลับเห็นว่ามันกลับเป็นคุณมากกว่าเป็นโทษ เพราะมันช่วยให้สมองตื่นอยู่สมอ ช่วยให้มีความจำดีขึ้นในเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย คณะนักวิจัยมหาวิทยาพลีมัธ ได้ ทดลองทดสอบความจำกับอาสาสมัครซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยกัน 40 คน โดยให้คอยรับโทรศัพท์ และให้จำชื่อกับสถานที่เอาไว้ ปรากฏว่าคนที่ชอบขีดเขียนอะไรเล่น ๆ ไปด้วยจะจำได้ดีกว่าถึงร้อยละ 29
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า การขีดเขียนมันป้องกันไม่ให้เกิดหลับใน ซึ่งมักจะทำให้ความสนใจถูกหันเหไป และยังช่วยให้คนยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายอยู่ได้
แจ๊คกี้ แอนเดรด หัวหน้านักวิจัยกล่าวว่า “ไม่ว่าใครหากทำงานอันน่าเบื่อ อย่างเช่นรับฟังเรื่องสนทนาทางโทรศัพท์ที่น่าเหนื่อยหน่าย มักจะหลับใน การฝัน กลางวันทำให้ลืมเรื่องงานไป ทำให้เสียงาน การขีดเขียนอะไรง่าย ๆ ทำให้ไม่หลับ ซึ่งกระทบกับหน้าที่การงาน”

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

บลายธ์ : การกลับมาของตุ๊กตาย้อนยุค


สินค้าบางอย่างมีอายุอยู่ในตลาดแค่พริบตาเดียว ขายได้หนึ่งปีหรือไม่ถึงปีก็จอดสนิท ไม่มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ ถือเป็นสินค้าตายแล้วฝังกลบเลย ขณะที่บางอย่างเกิดเร็วล้ำยุคไปหน่อย เปิดตัวเข้าตลาดครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ลองจับมาปัดฝุ่นนำเสนอใหม่ กลับดังได้ดังดีแบบไม่ต้องลุ้นให้เมื่อย แบบนี้เรียกสินค้าคืนชีพครับ ซึ่งเราได้เห็นกันมาเยอะพอสมควร หนึ่งในนั้นที่ผมอยากพูดถึงในวันนี้ก็คือ บลายธ์ (Blythe) เธอเป็นตุ๊กตาย้อนยุคที่หากใครเดินเข้าร้านกิฟต์ช็อปบ่อยๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สาวบลายธ์เธอดังนะครับ เด็กวัยรุ่นและสาวๆเห็นเธอเป็นต้องร้องอ๋อ เพียงแต่บางคนอาจจะคิดว่าเธอเป็นสินค้าของยุคนี้ อันที่จริง บลายธ์เป็นสินค้าที่มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว


โลกของตุ๊กตา ผู้ชายอาจเข้าไม่ถึง แต่ถ้าพูดกันในแง่สินค้าแบรนด์หนึ่งที่หนังเหนียวยิ่งกว่าบรูซ วิลลิสในภาพยนตร์ Die Hard ผมว่า ตุ๊กตาบลายธ์เป็นสินค้าที่น่าสนใจมากทีเดียว บลายธ์เหมือนกับ ตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีคุณค่า และมูลค่าอยู่ในชื่อของเธอเอง ถือเป็นแบรนด์ที่ขายชื่อได้และทำเงินดีด้วย ตุ๊กตาบลายธ์ รุ่น “วินเทจ” ซึ่งหมายถึงรุ่นที่ผลิตจำหน่ายในปี 1972 สามารถเรียกราคาประมูลบนเว็บไซต์อีเบย์ได้ตัวละกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 76,000 บาท (จากราคาจำหน่ายแค่ตัวละ 35 ดอลลาร์ หรือ 1,300 กว่าบาท) สินค้าเกี่ยวกับบลายธ ์มีนอกเหนือจากตุ๊กตาเป็นตัวๆที่เอาไว้ให้เล่น หรือเอาไว้ให้ชื่นใจ (หมายถึงสะสมนะครับ) ส่วนใหญ่เป็นของใช้สำหรับผู้หญิง เช่น เข็มกลัด กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสะพาย ซองโทรศัพท์มือถือ แผ่นดีวีดี หรือแม้แต่หนังสือรวมภาพตุ๊กตาบลายธ์ในอิริยาบทต่างๆ ตุ๊กตายี่ห้อนี้มีแฟชั่นโชว์ และนิทรรศการจัดแสดงในหลายประเทศ แถมยังมีเว็บไซต์ของตัวเองอีกด้วย



"Blythe"(บลายธ์) คือตุ๊กตาวินเทจที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดย Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริกา ที่ต้องการสร้างตุ๊กตาให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วยโมเดลตุ๊กตา 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye พร้อมแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด โดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่มันกลับเป็นตุ๊กตาที่เด็กๆ หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี
30 ปีต่อมา จากสินค้าค้างสต๊อกกลับเป็นตุ๊กตาหายากที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม หลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน) ได้มอบตุ๊กตาเป็นของขวัญ เธอก็ตกหลุมรักมัน เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบจนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001
หลังจากที่ Hasbro ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาทีวีให้กับห้างดัง Parco จนกลายเป็นกระแส Blythe ฟีเวอร์ ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่น มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาร่วมออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้เหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว
และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้โดดเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมชื่อใหม่ "Neo Blythe" และนับแต่นั้นมาก็มีคอลเลกชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่ "Petite Blythe" ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว