วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สิ่งแรกในโลก...



สิ่งที่เกิดขึ้นมา!!
ต้องมีอย่างแรกเกิดขึ้นอยุ่แล้วใช่ไหมล๊า มาดูกันๆ....

*ผ้าพิมพ์ลายผืนแรก
ผู้คิดค้นวิธีการพิมพ์ลวดลายต่างๆ และสีสันสวยงามลงบนผืนผ้าเป็นคนแรกคือชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์โรเบิรต์ ฟิลเขาทดลองวาดภาพบนสังกะสีเรียบ แล้วนำผ้าไปวางทับ ก่อนที่จะใช้เครื่องอัด อัดทับผืนผ้าอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อคลายเครื่องอัดออกก็ปรากฎลวดลายสวยงามที่ผืนผ้านั้น และจากนั้นเอง เขาก็ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ลวดลายต่างๆลงบนผ้าให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนผ้าพิมพ์ลายได้รับความนิยมแพร่หลายตราบจนทุกวันนี้

กางเกงยีนส์ตัวแรก
กางเกงยีนส์ที่คนทั่วโลกทั้งหญิงและชายนิยมสวมใส่กันอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นผลงานของชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อผ้าในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เขาผู้นี้มีชื่อว่า ลีวาย สเตราส์ จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ การผลิตกางเกงขายาวเพื่อให้คนงานทำเหมืองได้สวมใส่ ซึ่งจะต้องเป็นกางเกงที่มีความทนทาน สมบุกสมบันเป็นเยี่ยม ซึ่งต่อมาภายหลัง มิได้มีแต่เพียงคนงานเท่านั้นที่นิยมชมชอบ แต่คนทุกสาขาอาชีพก็นิยมใส่กางเกงยีนส์กันทั่วทั้งโลก

ปากกาลูกลื่นด้ามแรก
นักหนังสือพิมพ์ชื่อ ปิโร ชาวฮังการี ได้พยายามคิดค้นปากกาแบบใหม่ที่ไม่ต้องคอยเติมน้ำหมึกบ่อย ๆ ให้เลอะเทอะ และเขียนได้คล่องกว่าปากกาหมึกซึม โดยการใส่เหล็กกลมขนาดเล็กเข้าไปในตัวปากกาเพื่อบังคับน้ำหมึกและให้เขียนได้อย่างลื่นไหลต่อมาในปี พ.ศ. 2486 เขาได้พัฒนาน้ำหมึกที่ใช้กับปากกาลูกลื่นได้ผลดีมาจนถึงทุกวันนี้

ต้นตำรับยางรถยนต์
ล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่าง ๆ ที่ทำด้วยยางที่ใช้กันทั่วไปทุกวันนี้นั้น ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2382 โดยผู้วชาญชื่อ ชาร์ลส์ กูดเยียร์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน เขาพบว่า ด้วยเนื้อยางเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและต่อการใช้งานอย่างหนักได้เขาจึงได้นำยางดิบผสมกับกำมะถันและตะกั่ว และลนด้วยไฟ จึงได้เนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นและสามารถคงรูปเดิมอยู่ได้ ไม่ว่าสภาพอากาศหรืออุณหภูมิจะเปลี่ยนไปจนกระทั่งนำมาทำเป็นล้อรถดังเช่นทุกวันนี้

จักรยานคันแรก
รถจักรยานคันแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้งานเป็นผลงานของชาวสก็อตแลนด์ชื่อ แพทริก แมคมิลแลน เมื่อปี ค.ศ. 1839 ซึ่งต่อมามันเป็นพาหนะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จักรยานยุคแรก ๆ ใช้ล้อที่เป็นยางตัน แต่ภายหลังได้พัฒนายางที่สามารถสูบลมเข้าไปได้ ทำให้มีความเบา วิ่งได้เร็ว และลดแรงสะเทือนอีกทั้งยังคิดระบบเบรก เพื่อให้หยุดได้ทุกเมื่ออย่างมีประสิทธิภาพ

เฮลิคอปเตอร์ลำแรก
ผู้คิดสร้างเฮลิคอปเตอร์เป็นคนแรกคือ อิกอร์ ซิคอร์สกี้ ชาวรัสเซีย ด้วยความคิดที่จะให้มันบินขึ้นลงได้ในแนวดิ่ง ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ทางวิ่งเหมือนเช่นเครื่องบินทั่ว ๆ ไปซิคอร์สกี้ ได้ย้ายมาอยู่อเมริกา และสร้างเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งหลังจากนั้น มันก็ได้ถูกพัฒนาให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้

กำเนิดมอเตอร์ไซค์
เมื่อแพทริก แมคมิลแลน ประดิษฐ์จักรยานสองล้อถีบได้ไม่นาน ก็มีผู้คิดเครื่องจักรไอน้ำขนาดเล็ก นำมาติดตั้งเข้ากับจักรยานสองล้อถีบ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพ เพราะไม่มีความสะดวกสบายในการนำมาใช้งานจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1885 ก้อทเลี๊ยบ เดมพ์เลอร์ ก็ได้คิดค้นดัดแปลงจักยานสองล้อที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้นำมันเชื้อเพลิงได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบกันสะเทือน ตลอดจนระบบเบรก และล้อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ระเบิดปรมาณลูกแรก
ในปี พ.ศ. 2488 สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะยุติสงครามโลกครั้งที่สองให้ได้โดยเร็วด้วยการใช้อาวุธชนิดใหม่ที่เพิ่งคิดค้นได้สำเร็จ สิ่งนั้นก็คือ ระเบิดปรมาณู อันเป็นระเบิดที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงส่งมากมายมหาศาลระเบิดปรมาณูลูกแรกถูกทิ้งจากเครื่องบินลงมายังเมือง ฮิโรชิมา ของญี่ปุ่น ทำให้เมืองทั้งเมืองพินาศย่อยยับ ผู้คนล้มตายนับแสน ที่เหลือก็บาดเจ็บสาหัสพิกลพิการไปจนตลอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ยังมีคำถามอยู่เสมอ ๆ ว่า จำเป็นด้วยหรือกับการฆ่าคนเป็นแสนเป็นล้านเพียงเพื่อยุติสงคราม


วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คำจำกัดความของเกรด



A = animal สมองน้อย
อันเกรด A เขาว่าเหมือนเช่นสัดว์
วันๆ ฟัดแต่ตำราน่าอดสู
A Animal สมองน้อยหงอยน่าดู
สงสัยครู ให้ได้ไง ไม่ค่อยเจอ


B = basic ก็แค่พื้นๆ
B Basic ใครๆก็ทำได้
เพราะมันง่ายกันไปจนน่าขำ
คนว่า"เบ" เกินไปเลยไม่ทำ
กลัวตอกย้ำความเบสิกสะกิดใจ


C = common ธรรมดา งั้นๆ
C Common แบบนี้สิใช้ได้
คนทั่วไปยอมรับและนับถือ
เกรดแบบนี้ได้มาเรียก "ฝีมือ"
แต่ก็ถือว่ายังอ่อนเกินไป


D = diligent ฉลาด หลักแหลม
D Deligent เกรดสุดฮิตของคนขยัน
ฟิตทั้งวันแต่เลคเชอร์ไม่เคยสน
conc. วิชา จีบสาว ม่อเกินทน
สุดยอดคน นายเยี่ยมมาก พูดจากใจ


F = fever เก่งจนเกิดกระแสความดัง
เกรดใดๆไม่เท่า F Fever
ได้กันเกร่อรู้ทั่วถึงไหนๆ
ใครได้มา ก็ Fever น่าชื่นใจ
แล้วค่อยไป เรียนซัมเมอร์ ด้วยกันเอย.

สาธุ...........

คำสอนของพระพุทธเจ้าในนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งกล่าวถึงเรื่องของ เหตุแลผล ของกรรม ที่เราท่านได้ประสบกับเรื่องราวต่างๆทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง ซึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงตรัสไว้ถึง เหตุ และผลแห่งกรรม หลายๆคนคิดว่า ทำไมฉันเป็นอย่างนั้น ทำไมต้องเจอเรื่องแบนี้ ทำไม เราไม่รวย สวย หล่อ เหมือเขาเหล่านี้ ล้วนมิใช่เรื่องบังเอิญทั้งสิ้น เราลองมาอ่านและพิจารณากันนะครับ เพื่อที่เราจะได้เผชิญเรื่องราวต่างๆได้อย่างมีสติ และแก้ปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่าอดีตชาติได้ประกอบแต่กรรมดี จึงเกิดมาเป็นคนที่มียศสูงศักดิ์ และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพ ผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้

ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใดชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูปสิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเองเครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประกับกายดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นง่ายหากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ไฉนเลยจะได้รับ

มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน

มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน

มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน

ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย

มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้

มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา

มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม

มีปัญญามีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า

มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า

ไม่มีพ่อมีแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา

เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น

ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน

ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต

ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

“หากถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบันหากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน”

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคตาแดง

อืม..วันนี้ไปสอบPAT5มาเจอเพื่อนๆหลายคนเป็นโรคตาแดงกันเยอะนะ รวมถึงเราด้วยก็เลยอยากมาบอกอาการและการป้องกันการเป็นโรคตาแดงให้ฟังกัน

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
อาการของโรคตาแดง
แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
-ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
-ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
-ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
3.ตาแดงเป็นข้องหนึ่งหรือสองข้าง
-เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
-เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
-ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์

4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ

การตรวจร่างกาย
-คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
-ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
-ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
-การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
การป้องกันโรคตาแดง
-อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
-อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
-ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
-ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
-อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
-อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
-ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
-อย่าสัมผัสมือ
-เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค

การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
-ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
-ล้างมือบ่อยๆ
-อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
-ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
-อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
-เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
-ตามัวลง
-ปวดตามากขึ้น
-กรอกตาแล้วปวด
-ไข้
ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
-น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
-แพ้แสงอย่างมาก

โรคตาแดงจากการติดเชื้อไวรัส Viral Conjunctivitis
เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ adenovirus มักจะระบาดในชุมชน โรงเรียน ที่ทำงาน การติดต่อมักจะติดต่อโดยการสัมผัสทางมือ เครื่องมือ สระว่ายน้ำ
อาการที่สำคัญคือตาแดงเฉียบพลัน น้ำตาไหล เยื่อบุตาบวม ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต เคืองตาเล็กน้อย บางรายอาจจะมีเลือดออกที่ตาขาว อาจจะเป็นข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยลามมาอีกข้างหนึ่ง
เนื่องจากโรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงสัมผัสกับคนอื่นเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่เกิดอาการ การรักษาเป็นเพียงประคับประคองโดยการประคบเย็น ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของ steroid เพราะจะทำให้หายช้า

โรคตาแดงจากโรคภูมิแพ้ Allergic Conjunctivitis
เกิดจากการได้รับสารภูมิแพ้จากอากาศ มักจะเป็นฤดูกาล มักจะเป็นสองข้างมีอาการคันตาเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงตาบวม การรักษาต้องหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ ประคบเย็น ยาหยอดตาแก้แพ้ ยาหยอดตาลดการอักเสบ ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน
ตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bacterial Conjunctivitis
ตาแดงจากการติดเชื้อหนองใน
ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียมักจะเป็นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเริ่มต้นมีขี้ตาเป็นหนอง ตาแดงอย่างรวดเร็ว กดตาจะเจ็บ เคืองตามาก ตาบวม หนังตาบวม เชื้อที่เป็นสาเหตุคือเชื้อหนองใน N. gonorrhoeae และเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น Neisseria meningitidis ตาแดงจากเชื้อหนองในมักจะเกิดในเด็กทารกมักจะเกิดภายใน 3-5 วันหลังจากคลอดโดยได้รับเชื้อจากแม่ขณะคลอด การรักษาต้องหยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ล้างตาด้วยน้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด ceftriaxone ciprofloxacin Spectinomycin

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดไม่ลับกับการเรียน


1.เมื่อถึงเวลาเรียน พยายามจดจ่ออยู่กับอาจารย์ พยายามคุยกะเพื่อนให้น้อยที่สุด เพราะเราจะได้เกิดสมาธิและความจำ และพยายามนั่งหน้าให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรานั่งหลังเราจะเห็นคนที่อยู่หน้าเรา เวลาเค้าหยุกหยิก เราก็จะคอยสังเกต (เอะ เป็นไร ประมาณเนี้ย) จึงควรไปนั่งหน้า และพยายามจดในสิ่งที่อาจารย์พูด หรือฟังแล้วสรุปลงในสมุด ไปเรียนทุกครั้งควรมีสมุดมาจดทุกครั้ง เพราะการจด มันเป็นร่องรอยของความจำ

2.เมื่อรู้ว่ามีสอบ เช่น กลางภาค อย่างน้อยที่สุดต้องให้เวลาตัวเองประมาณ สองถึงสามอาทิตย์ในการอ่านหนังสือและทำย่อสรุป

3.เมื่อกะเวลาได้แล้ว

4.อ่านหนังสือคร่าวๆ 1 รอบ พอเข้าใจ

5.จากนั้น อ่านแล้วทำสรุป 1 รอบ

6.อ่านแบบเจาะลึกและให้เข้าใจในหนังสือ 1 รอบ

7.จากนั้น ก็ไม่ต้องสนใจหนังสือ เพราะกะเวลาดูแล้วน่าจะเหลือประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนสอบ เราก็อ่านย่อสรุปที่เราทำประมาณ 1-3 รอบ (แล้วแต่ความขยันในเวลานั้น)

8.พยายามคิดพยายามทวน ในหัวเรา เวลาลืมก็จะได้รีบเปิดมาทวนได้ทัน

9.ก่อนสอบ ไม่ควรอ่านอะไรเลย เราต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ใช่หน้าห้องสอบอย่างเนี้ย แล้วมาเปิดอ่านอีก มันจะไปตีกันในหัวเรา เวลาสอบสมองเราจะไม่เป็นระบบ การที่มาอ่านหน้าห้องสอบ เอาไว้สำหรับพวกที่ความจำดี ก็น่าจะใช้ได้ แต่อย่างไร ในเมื่อเราเตรียมตัวมาพร้อมแล้วก็ไม่ควรกลัว

10.ถ้าเป็นปลายภาค ถ้าทำได้ขอแนะนำ เตรียมตัว 4 อาทิตย์ก่อนสอบ แต่ถ้าไม่ไหวก็นั้นแหละ 3-2 อาทิตย์ก่อนสอบ

11.เวลาไม่เข้าใจอะไรก็ควรถามเพื่อน มาแลกเปลี่ยนกัน เพราะการอภิปรายกันจะทำให้ทัศนคติ และความคิดของเรากว้างขึ้น บางทีคนหนึ่งเข้าใจบทนี้อีกแนวหนึ่ง คนนั้น ก็เข้าใจบทนี้อีกแนวอีก มันจะก็ให้เกิดความแตกต่างและเราก็จะบูรณาการมาใช้ได้ทั้งหมดนี้รับรอง ถ้าทำตามได้รับรอง ทำข้อสอบไม่ได้ ก็ไม่รู้จะช่วยไงแล้วเมื่อเราพร้อม ทุกอย่างพร้อม ความรู้ สติ ก็จะพร้อม เหมือนนักกีฬาที่หมั่นฝึกซ้อมอยู่เสมอ เวลาแข่งเค้าก็จะทำได้อย่างเต็มที่

ในเมื่อเราพร้อม และมันยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็จะทำใจได้ ว่าเรา ได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ความเครียดหรืออะไรต่างๆนาๆ ก็จะไม่มารบกวนเราอย่างแน่นอน



วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ก่อนสอบมาบำรุงสมองด้วย 2 เมนูนี้กันดีกว่า

-จะสอบแล้ว กินน้ำซักแก้วก็แจ่ม
ข้อมูลการกินอาหารบำรุงสมองนี้ ได้มาจากศึกษา 2 กลุ่มตัวอย่างของ อาจารย์แคโรลีน เอดมอนส์ และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสท์ ลอนดอน อังกฤษ ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างเด็กๆ อายุ 7-9 ปี ประมาณ 60 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ดื่มน้ำ 250 มิลลิลิตรก่อนสอบ 20 นาที และอีกกลุ่มไม่ได้ดื่มน้ำเพิ่ม หลังจากนั้นให้เด็กๆ หาจุดแตกต่างระหว่างการ์ตูน 2 ตัว ผลการศึกษาพบว่า เด็กๆ ที่ได้ดื่มน้ำก่อนสอบทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำ 34% เมื่อให้ทำแบบทดสอบที่ยากขึ้น กลุ่มที่ดื่มน้ำทำคะแนนได้ดีกว่า 23%
-ในน้ำมีปลา จับมากินเสริมไอคิวซักตัวเถอะ

มีการศึกษาอีกรายงานหนึ่งที่ทำโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเตนบวก ประเทศสวีเดน ที่ทำการศึกษาในเด็กผู้ชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี โดยมอบปลาให้อาสาสมัครอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า เด็กๆ ที่กินปลามากกว่า สามารถทำแบบทดสอบไอคิว (IQ) ได้คะแนนดีกว่า และจากการศึกษายังพบอีกว่า การกินปลาช่วยให้สมองเด็กทารกทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงสมรรถภาพสมองเสื่อมลงในคนวัยกลางคน นอกจากนั้นเด็กๆ ที่คุณแม่กินปลาในระหว่างตั้งครรภ์ (ท้อง) ก็มีพัฒนาการดีกว่า อีกด้วย

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2552


สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทั่วทุกภาคชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2552 นี้ระหว่างเวลา 15.30-18.00 น. โดยประมาณ
สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้เป็นสุริยุปราคาแบบวงแหวน โดยจะมองเห็นได้ตามเส้นทางที่พาดผ่านมหาสมุทรอินเดีย และตะวันตกของอินโดนีเซีย ส่วนสุริยุปราคาบางส่วนจะมองเห็นได้เป็นบริเวณกว้างตามเส้นทางที่เงามัวของดวงจันทร์พาดผ่าน เช่น ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ มาดากาสการ์ ออสเตรเลีย อินเดียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินโดนีเซีย
สำหรับประเทศไทยจะเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน และสามารถเห็นได้ทุกภูมิภาค โดยแต่ละภูมิภาคจะเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน ที่กรุงเทพฯ นั้นดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สัมผัสที่ 1 ในเวลาประมาณ 15.53 น. และสิ้นสุดเหตุการณ์ในเวลา 17.58 น. ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในครั้งนี้จะเกิดนานที่สุดในภาคใต้ คือ ประมาณ 2 ชั่วโมง 22 นาทีที่จังหวัดนราธิวาส โดยดวงอาทิตย์จะถูกดวงจันทร์บดบังมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 54.9 ของพื้นที่ดวงอาทิตย์
สำหรับจังหวัดนครสวรรค์ เราสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ตั้งแต่ เริ่มเข้าคราส 15 นาฬิกา 57 นาที 30 วินาที คราสลึกสุด 17 นาฬิกา 0 นาที 58 วินาที คราสสิ้นสุด 17 นาฬิกา 57 นาที 24 วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบัง 27.25 % ........ ........ แต่เน้นว่าห้ามดูด้วยตาเปล่าโดยเด็ดขาด นะคะ ต้องดูด้วยอุปกรณ์ที่ปลอดภัยเท่านั้น

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

14 กรกฎาคม วันชาติฝรั่งเศส





ในตอนนั้น ชนชั้นกลางมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เนื่องจากชนกลุ่มนี้มีการศึกษาดี ร่ำรวย แต่ไม่มี สิทธิในทาง การเมือง การปกครอง เทียบเท่าชนชั้นพระ และชนชั้นขุนนาง จึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเก่า และได้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจเอาไว้ โดยเข้าร่วม การปฏิวัติในอเมริกา ซึ่งมีสาระสำคัญในทางทฤษฎีว่าด้วยสิทธิิ ตามธรรมชาติิของมนุษย์ และสองนักปราชญ์แห่งยุคคือ วอลแตร์ กับ มองเตสกิเออ นำทฤษฎีดังกล่าวมาสอนประชาชน ในขณะเดียวกัน มาควิส เดอ ลา ฟาแยตต์ (Marquis de la Fayett) ซึ่งทำสงคราม ช่วยเหลือ ชาวอาณานิคม ในอเมริกาต่อต้านอังกฤษจนได้ชัยชนะ ก็นำความคิดนี้มาเผยแพร่ จึงทำให้ ประชาชนชาวฝรั่งเศส ดิ้นรนเรียกร้อง ให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพยิ่งขึ้น
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ประเทศฝรั่งเศสมีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่ 16 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งราชวงศ์บูรบอง (Bourbon)บ้านเมืองอยู่ในระยะของสงครามอังกฤษ เพื่อแย่งชิงอาณานิคม ทำให้การเงินการคลังของประเทศล้มละลาย ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัดขาดแคลน แต่ในทางกลับกัน ราชสำนักกลับมีความเป็นอยู่อย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย ชนชั้นขุนนางได้รับการยกเว้น ภาษี ส่วนประชาชน ที่มีความยากจนอยู่แล้วต้องถูกทางการรีดภาษีอย่างหนัก ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก

ในตอนนั้น ชนชั้นกลางมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เนื่องจากชนกลุ่มนี้มีการศึกษาดี ร่ำรวย แต่ไม่มี สิทธิในทาง การเมือง การปกครอง เทียบเท่าชนชั้นพระ และชนชั้นขุนนาง จึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเก่า และได้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจเอาไว้ โดยเข้าร่วม การปฏิวัติในอเมริกา ซึ่งมีสาระสำคัญในทางทฤษฎีว่าด้วยสิทธิิ ตามธรรมชาติิของมนุษย์ และสองนักปราชญ์แห่งยุคคือ วอลแตร์ กับ มองเตสกิเออ นำทฤษฎีดังกล่าวมาสอนประชาชน ในขณะเดียวกัน มาควิส เดอ ลา ฟาแยตต์ (Marquis de la Fayett) ซึ่งทำสงคราม ช่วยเหลือ ชาวอาณานิคม ในอเมริกาต่อต้านอังกฤษจนได้ชัยชนะ ก็นำความคิดนี้มาเผยแพร่ จึงทำให้ ประชาชนชาวฝรั่งเศส ดิ้นรนเรียกร้อง ให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพยิ่งขึ้น

เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1789 ประชาชนซึ่งมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น ได้บุกเข้าปล้นสะดมบ้านของพวกขุนนาง กรุงปารีสมีแต่่ ความวุ่นวาย ชนชั้นกลางได้รวมตัวกันก่อตั้งกองทหารรักษาการณ์แห่งชาติเข้าร่วม กับประชาชนทำลายคุกบาสติลย์ ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการปลดแอกอำนาจการปกครองโดยกษัตริย์ นับเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ยิ่ง และสำคัญของโลก
ผลกระทบของเหตุการณ์ได้แพร่ไปสู่ประเทศอื่นๆในยุโรป โดยเฉพาะในรัสเซีย กล่าวคือระยะแรกของการปฏิวัติ ประมาณปี ค.ศ. 1791ได้มีการ ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใช้ กษัตริย์ต้องอยู่ใต้กฎหมาย และรัฐสภา ก็มีเพียงสภาเดียว คือ สภานิติบัญญัติ ชนชั้นกรรมาชีพมีบทบาทในการปกครอง แต่ด้วยความเกรงกลัวว่า การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ์จะแพร่ขยายไปทั่วยุโรป ทำให้ออสเตรียและปรัสเซียยกทัพรุกฝรั่งเศสแต่ไม่สำเร็จ ทางสภานิติบัญญัติจึงยกเลิกระบบ ราชาธิปไตยและประกาศเป็นประเทศสาธารณรัฐ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1792 และตั้งสภาใหม่ขึ้นมา และในปี 1793 ก็ได้สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์และพระนางมารี อังตัวเนต์ด้วยการประหารชีวิตด้วยเครื่องประหาร กิโยตีน แม้ผลการปฏิวัติจะสำเร็จ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังมีฐานะยากจนเหมือนเดิม รัฐบาลยังมุ่งแต่กอบโกยผลประโยชน์กัน จนมีบุคคลคนหนึ่งแสวงหาอำนาจโดย เป็นเครื่องมือ ให้ประชาชนเลื่อมใส และยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของตน บุคคลผู้นี้คือนโปเลียนโบนาปาร์ต

นโปเลียนได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาติเพราะอาศัยความล้มเหลวของรัฐบาลสถาปนาตนเป็นแม่ทัพใหญ่คุมกองทัพ ออกไปรบชนะออสเตรเลียในปี ค.ศ.1797 ทั้งยังแพร่ขยายอาณาเขตไปทั่วยุโรป จนปี ค.ศ. 1804 ได้สถาปนาตนเอง ขึ้นเป็นจักรพรรดินโปเลียน และพยายาม ที่จะครอบครอง รัซเซียให้ได้ จึงทำสงคราม กับรัสเซีย และเป็นครั้งแรก ที่นโปเลียนแพ้ ทำให้ชนชาติต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเกิดกำลังใจที่จะต่อต้าน เมื่อนโปเลียน ได้ถูกเนรเทศไปยังเกาะอัลบา พระเจ้าหลุยส์ได้กลับมาครองราชย์ใหม่แต่เพียงระยะสั้นๆ ในปี ค.ศ.1815 นโปเลียนหนีกลับมาได้ อีกครั้งและประกาศตนเป็นจักรพรรดิ รวบรวมกำลังทหารเข้าต่อสู้กับ ฝ่ายพันธมิตร ต่างๆ เกิดสงครามวอเตอร์ลูขึ้น แต่ฝรั่งเศสก็รบแพ้ ทำให้ นโปเลียนถูกส่งขังที่เกาะเซนต์เฮเลนา นับเป็นการสิ้นสุดการครอง บัลลังก์เพียง 100 วันของนโปเลียน แล้วเขาก็เสียชีวิตบนเกาะนี้

ในปี ค.ศ. 1821 พระ เจ้าหลุยส์ที่ 18 กลับมาขึ้นครองราชย์อีกครั้ง แต่พระอนุชาคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 ทรงพยายาม ฟื้นฟูระบบเก่าขึ้นมาอีก จึงมีการปฏิวัติขึ้นอีก พระเจ้าหลุยส์ฟิลิปซึ่งดำรงตำแหน่งกษัตริย์อยู่ ได้ถูกเนรเทศออกนอก ประเทศ และต่อมาก็ได้มีการสถาปนา สาธารณรัฐขึ้น เป็นครั้งที่ 2 โดยมีหลุยส์นโปเลียนทำการรัฐประหารตั้งตัวเองขึ้น เป็นจักรพรรดิ ซึ่งพระองค์ทำให้ชาติฝรั่งเศสมีความเข้มแข็ง มั่นคงขึ้น สภาพทุกอย่าง ในประเทศดีขึ้น และมีการขยาย อาณานิคมไปยังประเทศต่างๆ
ในปี ค.ศ. 1860 พระเจ้าหลุยส์นโปเลียน สถาปนาจักรพรรดิฝรั่งเศสในเม็กซิโกแต่ไม่สำเร็จ เพราะ ถูกอเมริกา ขัดขวางไว้ และยังต้องทำ สงคราม กับปรัสเซียอีก ฝรั่งเศสก็เป็นฝ่ายแพ้อีกครั้งและต้องเสียดินแดนในแคว้นอัลซาสให้แก่ ปรัสเซีย อีกด้วย ซึ่งทำให้พระองค์ต้องสละราชบัลลังก์

ในปี ค.ศ.1875 มีการสถาปนาฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3 ยุคของนโปเลียนสิ้นสุดลง ทำให้ประเทศฝรั่งเศสอ่อนแอ เป็นอย่างมาก ต้องเสียดินแดน ให้ผู้รุกราน ประจวบกับเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เป็นเหตุให้ฝรั่งเศส ยิ่งบอบช้ำ ขึ้นไปอีก ภายหลัง ได้มี ีการเซ็นสัญญาสงบศึกที่ Vinchy แล้วฝรั่งเศสก็ประกาศตัวเป็นอิสรภาพ โดยความช่วยเหลือ จากฝ่ายพันธมิตรต่างๆ ในเดือนกันยายนปี 1944 นายพลชาลส์เดอโกล์ ก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ในปี ค.ศ.1946 ซึ่งเป็นยุคของสาธารณรัฐที่ 4

ระหว่างปี ค.ศ. 1946-1958 นายพลเดอโกล์ กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำอีกครั้ง ระหว่างที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมวิกฤติการณ์ใน แอลจีเรีย เขาทำให้ ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีสังคม เปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และพัฒนาฝรั่งเศสดีขึ้นในหลายๆด้าน ทำให้เป็นที่ ยอมรับจากผู้คนที่นิยมในตัวเขา และให้สถาปนาฝรั่งเศส เป็นสาธารณรัฐ เป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958-ปัจจุบัน ต่อมามีการชุมนุม ประท้วง รัฐบาลในกรุงปารีส ทำให้รัฐบาล ต้องยอมรับมติประชาชนที่ว่าด้วยการปฏิรูป กฎหมาย รัฐธรรมนูญนายพลเดอโกล์จึงขอลาออกจากตำแหน่ง














ในวันที่ 10 พ.ค. ปี ค.ศ. 1981 ฝรั่งเศสได้ประธานาธิบดีคนใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง คือประธานาธิบดีฟรังซัวส์ มิตแตร์รองด์ ผู้สมัครจากพรรค สังคมนิยม จึงบริหารงานด้วยระบอบสังคมนิยม และอยู่ในต่ำแหน่ง 14 ปีด้วยกัน จนกระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่ึงทำให้ นายฌาคส์ ชีรัค ผู้สมัครจาก พรรคสังคมนิยมเช่นเดียวกันเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เข้ารับการเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1995
สำหรับความสัมพันธ์ของไทยและฝรั่งเศสนั้น มีมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของ สมเด็จ พระนารายณ์มหาราช แต่ก็ต้องสิ้นสุดลง เพราะ การเมือง การปกครองของฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย .. ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสไม่ราบรื่น เพราะไทยพอใจทำการค้า กับจีน และมลายูมากกว่าประเทศ ทางยุโรป

จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฝรั่งเศสเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่จุดประสงค์ คือต้องการที่จะให้ไทยเป็นเมืองขึ้น แต่ด้วย พระปรีชาสามารถของพระองค์ทำให้รอดพ้นเหตุการณ์นั้นมาได้
ปัจจุบันประเทศไทยได้รับวัฒนธรรมต่างๆของฝรั่งเศสเข้ามา ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง.






วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดทั่วโลก


ข่าวคราวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 ปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 แล้ว แต่ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกกังวลว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะสร้างความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ทั้งนี้ประเทศแถบเอเชียใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้กระปุกจึงนำเรื่องราวของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้ค่ะ
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนภัยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระดับ 5 หมายถึง มีการติดต่อของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน และแพร่ระบาดไปอย่างน้อยสองประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 12,954 รายแล้ว ใน 46 ประเทศ และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 92 ราย ขณะที่ในประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 85 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 4,721 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2552)
การติดต่อโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009



เชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีการติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป และเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยระยะฟักเชื้อของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน หากผู้ป่วยได้รับเชื้อมากระยะฟักตัวก็จะเร็ว ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยด้วยว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้เชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ซึ่งสามารถแพ้เชื้อได้ ตั้งแต่ผู้ติดเชื้อยังไม่ปรากฎอาการ หรือหลังจากปรากฎอาการไข้แล้ว
ขณะที่นักวิชาการขององค์การอนามัยโลก ระบุไว้ว่า โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอัตราการแพร่ระบาดมากกว่าโรคซาร์ส และไข้หวัดนก แต่อัตราการเสียชีวิตมีน้อยกว่า คืออยู่ที่ร้อยละ 5-7 ขณะที่โรคไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 60

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009

เมื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่าและรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ ห้าวันหลังจากมีอาการ ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้ นาน 10 วัน
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอักเสบตามมา รวมถึงหัวใจวาย และอาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งโรคแทรกซ้อนนี้สามารถคร่าชีวิตได้ หากผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และติดยาเสพติด เป็นต้น

ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วพบว่าตัวเองมีไข้สูง 38.5 องศา มีไข้นานเกิน 7 วัน เจ็บหน้าอก ปวดท้อง อาเจียน มีจุดเลือดตามตัว ตาเหลือง เจ็บคอมาก มีเสมหะสีเขียวๆ เหลืองๆ ผิวสีม่วง หรือได้พยายามรักษาตัวเองแล้ว แต่ยังไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ด้วยวิธี PCR ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้สามารถหาเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และควรเข้ารับการตรวจรักษาภายในห้องตรวจพิเศษ Negative Pressure เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อไวรัสต่อไปยังผู้อื่น
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009


โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งวิธีการป้องกันการติดต่อของโรคได้ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด และล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งผู้ที่ป่วยเป็นหวัด ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโอกาสการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จะเข้าไปผสมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลในตัวผู้ป่วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเชื้อใหม่ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดื้อยาเพิ่มขึ้น และแพร่ระบาดจากคนสู่คนมากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้หากใครที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และมีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที เพื่อจะได้เฝ้าระวังและรักษาได้ทัน



วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ถาพสวยๆกับความหมายดีของชีวิต


คนบางคนใช้ชีวิต ดังเช่นกระท่อม ..
โดดเดียว .. สมถะ ..
แต่ก็มีน้ำใจ .. ช่วยเหลือนักเดินทางอยู่เสมอๆ ..



แม้ว่าเส้นทางที่เราเลือก..
จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ..
แต่ก็เป็นเส้นทาง.. ที่เราเลือกเดินเอง ..

กาแฟ แม้มีรสขม .. แต่ก็ทำให้เราเข้มแข็ง ..
เช่นเดียวกับความรักที่ผิดหวัง ..
ที่แม้พลาดพลั้ง ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ..

พักผ่อน เป็นสิ่งสำคัญ ..
หากว่าวันนี้อ่อนล้า แต่ยังคงไม่พักผ่อน ..
แล้วพรุ่งนี้จะมีแรงสู้กับอุปสรรคได้อย่างไร ..

เก้าอี้ที่ว่างเปล่า .. ไม่ได้บ่งบอกว่า ร้านนี้อาหารไม่อร่อย ..
อันที่จริง .. เราอาจแค่ มาก่อนเวลา ..



แม้ว่า ลมหนาว .. จะทำให้เราหนาวเย็นสักเท่าไร ..
ขอเพียงใจเราอบอุ่น .. จะใส่ใจไปทำไมกับลมหนาว ..


เรารัก คนที่เรารัก ได้ตลอดเวลา ..
แม้แต่ตัวเราเอง ก็อาจไม่รู้สึกเลยว่า ..
ความรักของเรา เป็นเช่นนั้นจริงๆ ..


ทางโค้ง .. แม้จะเป็นอุปสรรค์ที่ยากลำบาก ..
แต่ก็เป็นสีสัน .. ทำให้การเดินทาง .. มีชีวิตชีวา ..


ระยะทางแม้ยาวไกล .. หากใจมุ่งมั่น ..
แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ..
แต่ก็สามารถไปถึงที่หมาย .. ไม่ต่างกัน ..


แม้ว่าพระอาทิตย์ ลาลับไป .. จงอย่าเสียใจ เข้มแข็งไว้ ..
วันพรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะกลับมาใหม่ .. และอบอุ่น เช่นเดิม ..


แม้ว่าจะเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล .. ก็ไม่ควรเร่งร้อน ..
เพราะถ้าตกบันได ..เราอาจต้องกลับมาเริ่มใหม่ ..







































วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ครั้งแรกในโลก! "Gold To Go!" ตู้ขายทองอัตโนมัติ




นักค้าทองเมืองเบียร์หัวใส ตั้งตู้ขายทองอัตโนมัติตามแหล่งชุมชน หวังกระตุ้นให้ประชาชนหันมาซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยทองที่นำมาจำหน่ายจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กรัม (ราคาพันกว่าบาท) ขึ้นไป และบรรจุอยู่ในกล่องพร้อมใบรับรองอย่างดี
ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือที่ผู้จำหน่ายเรียกว่า ตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!" ดังที่เห็นในภาพ ถูกนำมาเปิดตัวและติดตั้งภายในสถานีรถไฟหลัก ที่กรุงแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เป็นเวลา 1 วัน เพื่อทดลองตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ตู้ดังกล่าวเป็นของบริษัท TG-Gold-Super-Markt.de ในประเทศเยอรมนี ซึ่งทำธุรกิจค้าทองคำผ่านทางระบบออนไลน์ บริษัทฯ เล็งเห็นว่าปริมาณความต้องการทองคำของนักลงทุนทั้งในเยอรมนีและทั่วโลก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณทองคำในครอบครองของประชาชนคนทั่วไป (ในเยอรมนี) ยังมีไม่มากนัก จึงเกิดไอเดียในการขายทองผ่านตู้อัตโนมัติ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนส่วนใหญ่ และช่วยให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก และยังสามารถนำไปเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้อีกด้วย


ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!"นี้ จะจำหน่ายทองคำน้ำหนัก 1 กรัม 5 กรัม และ 10 กรัม รวมทั้งเหรียญทอง Krugerrand จากแอฟริกาใต้ โดยแต่ละตู้สามารถบรรจุทองคำได้ 1,500 กล่อง


ภาพตัวอย่างเหรียญทอง Krugerrand

อย่างไรก็ตาม ทองคำที่นำมาขายผ่านตู้อัตโนมัติส่วนใหญ่ จะเป็นทองคำแท่งไซส์จิ๋ว น้ำหนักเพียง 1 กรัม (0.0353 ออนซ์) จำหน่ายในราคาแท่ง (หรืออัน) ละประมาณ 31 ยูโร หรือราวๆ 1,462 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาทองคำในตลาด ณ ขณะนั้น) ซึ่งในรายงานข่าวระบุว่าแพงกว่าราคาตลาดประมาณ 30% เนื่องจากทองคำขนาดเล็กจะมีต้นทุนในการผลิต



ทองคำทุกขนาดที่จำหน่ายผ่านทางตู้อัตโนมัติ "Gold To Go!" จะบรรจุอยู่ในกล่องดีบุกอย่างดี
และมีใบรับรองคุณภาพแนบมาให้ทุกกล่อง

ปกติแล้วเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติโดยทั่วไป มักให้ผู้ซื้อหยอดเหรียญ หรือไม่ก็ชำระด้วยเครดิตการ์ด แต่ตู้ขายทองอัตโนมัติ หรือตู้เอทีเอ็ม "Gold To Go!" นี้จะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น (ชำระเงินในลักษณะเดียวกับการฝาก/โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม) และจะถูกนำไปติดตั้งตามแหล่งชุมชน อาทิ สนามบิน สถานีรถไฟ และศูนย์การค้า เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาซื้อทองคำเก็บไว้ในครอบครองเพิ่มมากขึ้น นาย Thomas Geissler เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร บริษัท TG-Gold-Super-Markt.de เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนติดตั้งตู้ขายทองอัตโนมัติ จำนวน 500 ตู้ ตามแหล่งชุมชนในประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักของบริษัท TG-Gold-Super-Markt.de ยังคงเป็นการขายทองคำผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทองที่จำหน่ายเว็บไซต์ของบริษัทฯ จะมีน้ำหนักระหว่าง 1-1,000 กรัม และจะมีการอัพเดทราคาทองคำทุกๆ 10 นาที (ราคาทองคำที่ขายผ่านตู้อัตโนมัติจะอิงตามราคาในเว็บไซต์ และจะอัพเดทตลอดเวลาเช่นกัน)

TG-Gold-Super-Markt.de เป็นบริษัทลูกของ INFOS GmbH ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนออนไลน์ในประเทศเยอรมนี ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1994 ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวดูแลพอร์ตการลงทุนให้แก่ลูกค้ากว่า 5 พันราย หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

โรคไข้หวัดหมู มหันตภัยตัวใหม่


โรคไข้หวัดหมู
เชื้อไวรัสหวัดหมู นับเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน วงการแพทย์ตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า H1N1 เอชวันเอ็นวัน เป็นเชื้อไข้หวัดที่ผสมหวัดคน หวัดหมูปนกับหวัดนก ซึ่งสามารถระบาดจากคนสู่คน ได้โดยไม่จำเป็น ต้องมีการสัมผัสกัน และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ อาจไม่สามารถป้องกันเชื้อชนิดใหม่นี้ได้
ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมชี้ว่า เชื้อหวัดใหญ่ ชนิดนี้เป็นส่วนผสมของไวรัสจากหมู มนุษย์ และสัตว์ปีก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน การที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัย 25-45 นับเป็นสัญญาณที่น่าวิตกว่า อาจเป็นโรคระบาด เนื่องจากโดยทั่วไปนั้นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมักทำให้เกิดการเสียชีวิตในคน ชราและเด็กเล็กเป็นหลัก “เราตระหนักว่าปัญหานี้เป็นเรื่องร้ายแรง” ประธานาธิบดีเฟลิเป คาลเดอรอน ของเม็กซิโกกล่าว
โรคไข้หวัดหมู ได้แพร่ระบาดในประเทศเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 ราย และยังได้ทำให้เกิดการติดเชื้อ ในคนไข้ในสหรัฐ และกำลังแพร่เข้าสู่แคนาดาด้วย
องค์การอนามัยโลกระบุว่า เชื้อไวรัสจากคนไข้ชาวเม็กซิกัน 12 คนเป็นสายพันธุ์ใหม่ของไข้หวัดใหญ่ในหมู ซึ่งมีชื่อสายพันธุ์ว่า H1N1 โดยเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่พบในคนไข้ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียและเทกซัสจำนวน 8 คนซึ่งมีอาการดีขึ้นแล้ว
รัฐมนตรีสาธารณสุข โฮเซ แองเจล คอร์โดวา กล่าวในรายการข่าวโทรทัศน์ภาคค่ำ แนะนำให้ประชาชน หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนและสวมหน้ากากปิดปากและจมูก และวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจไม่สามารถป้องกัน เชื้อชนิดใหม่นี้ได้ เขาบอกด้วยว่า อัตราการตายดูจะยังทรงตัว ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในอัตราเพิ่มอย่างรวดเร็ว อย่างที่วิตกกังวลกัน และว่า เม็กซิโกมียาป้องกันไวรัส 1 ล้านชุด ซึ่งเพียงพอแก่การรักษา
ในเม็กซิโกซิตี ซึ่งมีประชากร 20 ล้านคน ทหารได้ออกแจกจ่ายผ้าปิดปาก และรัฐบาลเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยง การสัมผัสใกล้ชิดกับคนป่วย และการกินอาหารร่วมกัน
ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐ แถลงว่า ไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ มีลักษณะพันธุกรรม หรือยีน แตกต่างจาก ไวรัสไข้หวัดหมู ในอดีต เพราะมีองค์ประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ประกอบด้วย
1.เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ
2.เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์
3.เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง
ดร.แนนซี่กล่าวต่อว่า สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดหมู พันธุ์ใหม่เกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ “Antigenetic Shift” ซึ่งเชื้อไวรัส ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และ ไข้หวัดใหญ่ อาจเข้าไปอยู่ในตัวหมูที่เป็นพาหะนำโรค ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าว ผสมปนเปกัน ระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา ตามปกติเชื้อไข้หวัดหมูจะติดคนที่สัมผัสหมูโดยตรงเท่านั้น เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าหมู แต่เชื่อว่าอาจแพร่จากคนสู่คนผ่านการไอ การจาม หรือรับเชื้อจากวัสดุที่มีเชื้อโรค เกาะอยู่บนพื้นผิว แต่การบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณ สุข กล่าวถึงการแพร่ระบาดของ โรคไข้หวัดหมู ในเม็กซิโกว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กรมควบคุมโรค ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 25 เม.ย. จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก เพื่อติดตามว่าจะประกาศแจ้งเตือนความรุนแรงของโรคนี้อย่างไรบ้าง รวมทั้งจะต้องแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดอยู่หรือไม่ เท่าที่รับทราบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้แพร่ระบาดอยู่เพียงในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส
น.พ.คำนวณกล่าวต่อว่า ผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู จะมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่จะแสดงอาการรุนแรง และรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดา โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หมู แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดติดต่อจากคนสู่คน แตกต่างจากไข้หวัดนก ซึ่งติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ถือว่าสูงกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่ยังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ที่ผู้รับเชื้อจะมีอัตราการเสียชีวิตถึงร้อยละ 60
ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าโรคนี้แม้เป็นสายพันธุ์หมู แต่ไม่เกี่ยวกับหมู ดังนั้นไม่อยากให้คนไทยแตกตื่น และกลัวการสัมผัส หรือรับประทานหมู เพราะเมื่อได้ยินว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์หมู อาจทำให้กลัว ไม่กล้ากิน และไม่กล้าสัมผัสหมู
การแพร่เชื้อ ของ โรคไข้หวัดหมู
-มีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน
-แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน (เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย )
-ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัส
อาการ โรคไข้หวัดหมู
-มีไข้สูง
-หายใจไม่สะดวก
-ปวดศีรษะ ปวดตา
-ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง
-อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน
คำแนะนำในการป้องกัน โรคไข้หวัดหมู เบื้องต้น เหมือนการป้องกันไข้หวัดธรรมดา คือ
-เมื่อเป็นหวัดเวลาจามจะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันการติดต่อ
-หมั่นล้างมือ
-หากมีอาการรุนแรง ไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศ ที่มีการแพร่ระบาด

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552


1. ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด ฤดูร้อน อากาศร้อน ต้องหาทางช่วยดับความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนกระทบร่างกายมากเกินไป เป็นหลักการที่ ถูกต้อง แต่วิธีการให้ความเย็นแทนที่ที่มีความเย็น ฯลฯ นับว่าไม่เหมาะสม
2. เครื่องดื่มที่เหมาะสมในหน้าร้อน ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือจะเสริมปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ หรือสมุนไพรอื่น ๆ ก็สามารถเลือกได้
3.ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตากลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่อแจ่มใส อาจทำให้เป็นหวัดได้ 4. การนอนพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ
5. อย่างด อาหารเช้า เพราะร่างกายต้องการ สารอาหาร เพื่อกระตุ้น ระบบเผาผลาญ ซึ่งจะช่วย ควบคุมน้ำหนัก ด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยง อาหาร จำพวก แป้งขัดขาว หรือ ของทอด ของมัน หากควบคุมอาหาร แล้วยังรู้สึก ท้องอืด และ อึดอัด อยู่ เม็กซ์ ทอมลินสัน นักโภชนาการ แนะนำให้ดื่ม น้ำชา เปปเปอร์มิ้นต์ ช่วยขับลม จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น
6. ดูแลสุขภาพของเด็กโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และทางเดิน
7. หญิงตั้งครรภ์กับการปฏิบัติตัวในหน้าร้อน คือ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นหวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป
8. บุคคลที่ต้องระวังให้มาก คนสูงอาย ุผู้ที่มีระบบย่อยที่ไม่ดี และคนที่มีม้ามบกพร่อง ผู้ที่มีลักษณะสามอย่างที่กล่าวมานั้น เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดด ถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไป และเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย อาการที่แสดงออก คือ ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน เป็นต้น
9. อย่าทา ครีมกันแดด อย่างเร่งรีบ แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ทาให้ทั่วถึงแม้แต่ ในร่มผ้า ด้วย โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลัง ว่ายน้ำ แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ตาม โดยควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรอง รังสียูวีเอและยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier
10. อากาศร้อนจัดมีผลต่อ อารมณ์ หงุดหงิด และ หดหู่ (SAD - Seasonal Affective Disorder) จากสถิติ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่า ผู้ชาย ดังนั้นลองออกไป เดินเล่น ช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงที่คนไม่มาก สิ่งสำคัญคือ พยายาม กระฉับกระเฉง เข้าไว้
11. หากผิวแสบร้อนจาก การโดนแดด แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้กิน ยาแอสไพริน เพื่อลด อาการเจ็บปวด แล้วลองแช่ตัว ใน อ่างน้ำ อุณหภูมิร่างกาย โดยใส่ ออยล์ สำหรับ แช่อาบ จากนั้น บำรุงผิว ด้วย โลชัน ที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ หรือ อาฟเตอร์ซันเจล และหลีกเลี่ยงแดด ในวันถัดไป
12. ลองทำ สเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียม อย่างง่าย ๆ คือ น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่ เอสเซ็นเชียลออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ 2 หยด และ สเปียร์มิ้นต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ใน กระบอกฉีด สำหรับพกติดตัว
13. หากต้องออกไปเผชิญ อากาศร้อน ภายนอก ควรใช้ เครื่องสำอาง เนื้อครีม ที่ปัจจุบันมี เนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามัน ปัดทับด้วย บรอนเซอร์ หรือ แป้งชนิดฝุ่นอ่านกันแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้ในหน้าร้อนนี้กันด้วยนะจ๊ะ เพื่อนๆ

ขีดเขียนเล่น ๆ ช่วยให้สมองตื่นอยู่สมอ

การขีดเขียนอะไรเล่น ๆในห้องเรียนหรือในห้องประชุมเห็นกันว่า ก่อให้ เกิดความรำคาญ แต่นักวิทยาศาสตร์กลับเห็นว่ามันกลับเป็นคุณมากกว่าเป็นโทษ เพราะมันช่วยให้สมองตื่นอยู่สมอ ช่วยให้มีความจำดีขึ้นในเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย คณะนักวิจัยมหาวิทยาพลีมัธ ได้ ทดลองทดสอบความจำกับอาสาสมัครซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยกัน 40 คน โดยให้คอยรับโทรศัพท์ และให้จำชื่อกับสถานที่เอาไว้ ปรากฏว่าคนที่ชอบขีดเขียนอะไรเล่น ๆ ไปด้วยจะจำได้ดีกว่าถึงร้อยละ 29
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า การขีดเขียนมันป้องกันไม่ให้เกิดหลับใน ซึ่งมักจะทำให้ความสนใจถูกหันเหไป และยังช่วยให้คนยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายอยู่ได้
แจ๊คกี้ แอนเดรด หัวหน้านักวิจัยกล่าวว่า “ไม่ว่าใครหากทำงานอันน่าเบื่อ อย่างเช่นรับฟังเรื่องสนทนาทางโทรศัพท์ที่น่าเหนื่อยหน่าย มักจะหลับใน การฝัน กลางวันทำให้ลืมเรื่องงานไป ทำให้เสียงาน การขีดเขียนอะไรง่าย ๆ ทำให้ไม่หลับ ซึ่งกระทบกับหน้าที่การงาน”

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

บลายธ์ : การกลับมาของตุ๊กตาย้อนยุค


สินค้าบางอย่างมีอายุอยู่ในตลาดแค่พริบตาเดียว ขายได้หนึ่งปีหรือไม่ถึงปีก็จอดสนิท ไม่มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ ถือเป็นสินค้าตายแล้วฝังกลบเลย ขณะที่บางอย่างเกิดเร็วล้ำยุคไปหน่อย เปิดตัวเข้าตลาดครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ลองจับมาปัดฝุ่นนำเสนอใหม่ กลับดังได้ดังดีแบบไม่ต้องลุ้นให้เมื่อย แบบนี้เรียกสินค้าคืนชีพครับ ซึ่งเราได้เห็นกันมาเยอะพอสมควร หนึ่งในนั้นที่ผมอยากพูดถึงในวันนี้ก็คือ บลายธ์ (Blythe) เธอเป็นตุ๊กตาย้อนยุคที่หากใครเดินเข้าร้านกิฟต์ช็อปบ่อยๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สาวบลายธ์เธอดังนะครับ เด็กวัยรุ่นและสาวๆเห็นเธอเป็นต้องร้องอ๋อ เพียงแต่บางคนอาจจะคิดว่าเธอเป็นสินค้าของยุคนี้ อันที่จริง บลายธ์เป็นสินค้าที่มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว


โลกของตุ๊กตา ผู้ชายอาจเข้าไม่ถึง แต่ถ้าพูดกันในแง่สินค้าแบรนด์หนึ่งที่หนังเหนียวยิ่งกว่าบรูซ วิลลิสในภาพยนตร์ Die Hard ผมว่า ตุ๊กตาบลายธ์เป็นสินค้าที่น่าสนใจมากทีเดียว บลายธ์เหมือนกับ ตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีคุณค่า และมูลค่าอยู่ในชื่อของเธอเอง ถือเป็นแบรนด์ที่ขายชื่อได้และทำเงินดีด้วย ตุ๊กตาบลายธ์ รุ่น “วินเทจ” ซึ่งหมายถึงรุ่นที่ผลิตจำหน่ายในปี 1972 สามารถเรียกราคาประมูลบนเว็บไซต์อีเบย์ได้ตัวละกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 76,000 บาท (จากราคาจำหน่ายแค่ตัวละ 35 ดอลลาร์ หรือ 1,300 กว่าบาท) สินค้าเกี่ยวกับบลายธ ์มีนอกเหนือจากตุ๊กตาเป็นตัวๆที่เอาไว้ให้เล่น หรือเอาไว้ให้ชื่นใจ (หมายถึงสะสมนะครับ) ส่วนใหญ่เป็นของใช้สำหรับผู้หญิง เช่น เข็มกลัด กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสะพาย ซองโทรศัพท์มือถือ แผ่นดีวีดี หรือแม้แต่หนังสือรวมภาพตุ๊กตาบลายธ์ในอิริยาบทต่างๆ ตุ๊กตายี่ห้อนี้มีแฟชั่นโชว์ และนิทรรศการจัดแสดงในหลายประเทศ แถมยังมีเว็บไซต์ของตัวเองอีกด้วย



"Blythe"(บลายธ์) คือตุ๊กตาวินเทจที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดย Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริกา ที่ต้องการสร้างตุ๊กตาให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วยโมเดลตุ๊กตา 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye พร้อมแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด โดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่มันกลับเป็นตุ๊กตาที่เด็กๆ หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี
30 ปีต่อมา จากสินค้าค้างสต๊อกกลับเป็นตุ๊กตาหายากที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม หลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน) ได้มอบตุ๊กตาเป็นของขวัญ เธอก็ตกหลุมรักมัน เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบจนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001
หลังจากที่ Hasbro ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาทีวีให้กับห้างดัง Parco จนกลายเป็นกระแส Blythe ฟีเวอร์ ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่น มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาร่วมออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้เหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว
และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้โดดเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมชื่อใหม่ "Neo Blythe" และนับแต่นั้นมาก็มีคอลเลกชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่ "Petite Blythe" ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว


































วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปิดเทอมนี้....มีไรทำ?




(กิจกรรม) 20 อย่าง ที่ไม่ควรพลาด !! สำหรับปิดเทอม
ปิดเทอมทั้งที จะมัวขลุกกันอยู่แต่ในบ้านทำไม หนังสือก็ไม่ต้องอ่าน การบ้านก็ไม่ต้องทำออกไปหากำไรให้กับชีวิต ช่วงวันหยุดกันดีกว่าค่า และถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะไปที่ไหน"KNOCK KNOCK" ว่าไว้ว่า "อย่าคิดมากน่า! ข้างนอกมีอะไรๆ รอเราอยู่เพียบ"

1. เที่ยวทะเล..ฮาเฮถ้าเปิดเทอมหน้าร้อน ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปทะเลนะจ๊ะ หอบชุดว่ายน้ำเก๋ๆ บิกินี่ตัวเก่ง ไปเดินริมหาด เล่นน้ำทะเลใสๆ ที่หมู่เกาะสิมิลัน ไปอาบแอดริมชายหาดแถวๆ หมู่เกาะพีพี ก็เก๋ไม่เบา.. หรือจะไปดำน้ำ ดูปะการังที่หาดกะตะ จ.ภูเก็ต ก็น่าสนใจดีนะคะ.. ว่าแล้ว ก็แพ็คกระเป๋า ออกเดินทางกันเล้ยยยย






2. ตะลอนทัวร์กรุงเทพฯไม่อยากไปเที่ยวไหนไกลๆ กลัวเหนื่อย กลัวเปลือง ห่วงบ้าน ห่วงแฟน ไม่เป็นไร เที่ยวในกรุงเทพฯ นี่แหละ ดีที่สุด ไปเลย จะเดินห้าง ตากแอร์ เข้าวัดไหว้พระ แวะช้อปของร้านมือสอง ชมพิพิธภัณฑ์ซาบซึ้งศิลปะ สูดอากาศตามสวนสาธารณะ นั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ถ่ายรูปรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ลองลิสต์รายชื่อสถานที่ ที่ยังไม่ได้ไปให้ครบ แล้วไปลุยกันเลย WebSite ข้อมูลท่องเที่ยวก
3. ตะเวนกินของอร่อย;วิธีพักผ่อนง่ายๆ ฉบับคลายเครียดช่วงปิดเทอม รวมก๊วนเพื่อนสนิทให้ครบ แล้วพากันไปกิน กิน และกิน ที่ไหนว่าดี ร้านไหนเจ๋ง ไล่เก็บให้หมด ทั้งของหวาน ของคาว ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เค้ก ไอศกรีม ฝรั่ง ไทย จีน อย่าให้พลาด.. การได้กินของอร่อยๆ นี่ล่ะสุขที่สุดแล้ว


4. ขี่จักรยานการออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานนี่ล่ะ .. ใช่เล้ยย สองข้างทางเป็นต้นไม้เขียวๆ สดชื่น แจ่มใส จะเป็นตอนเช้าอากาศดีๆ รับวันใหม่ หรือจะเป็นตอนเย็น แดดร่มลมตก ดูพระอาทิตย์ตกดินก็ไม่เลวน๊า ขี่แบบออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อ หรือขี่แบบท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ดูบ้านดูเมืองรอบเกาะ

5. ออกค่ายถ้าเบื่อการท่องเที่ยวที่หรูหรา ฟู่ฟ่า ลองชวนเพื่อนไปออกค่าย ทำกิจกรรมต่างจังหวัดกัน เพราะเดี๋ยวนี้มีโครงการออกค่ายของพี่ๆ มหาวิทยาลัย เช่น โครงการออกค่ายกับกลุ่มองค์กร NGO ก็มีที่น่าสนใจเยอะแยะเลย ขวนขวายกันสักนิด รับรองว่าปิดเทอมนี้ได้เพื่อนใหม่กลับมาเพียบ เว็บไซต์ที่น่าสนใจสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากออกค่ายอาสาเพื่อสังคมก็มี ลองเข้าไปเช็กข่าวสารกันได้ ว่ามีค่ายอะไรที่เราสนใจบ้าง

6. โดดน้ำ เล่นน้ำตกถ้าอยู่บ้านร้อนนัก ก็ไปหาที่ดับร้อนกัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวทะเล ไปเที่ยวน้ำตกดูบ้าง อย่างน้ำตกทีลอซู จ.ตาก คนจริงที่รักการท่องเที่ยวพลาดไม่ได้เลย เพราะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง น้ำไหลแรงตลอดปีออกแนวผจญภัยหน่อยๆ จะนั่งรถ หรือล่องแพเข้าไปก็ได้ เห็นน้ำใสๆ นั่งหย่อนเท้าเล่น หรือกระโจนลงน้ำคลายร้อนกันก็มันสะใจไปเล้ย



7. ล่องแก่งถ้าชีวิตรักความท้าทาย อย่ามัวแต่กล้าๆ กลัวๆ ปิดเทอมทั้งทีไปล่องแก่งกันดีกว่า ได้ล่องเรือ ผ่านแก่งหิน สายน้ำเชี่ยว ชีวิตมีรสชาติดีออก เส้นทางที่น่าสใจก็มี ล่องแม่กลอง ทีลอซู ล่องแก่งเมืองกาญน์ ล่องออบหลวง จ.เชียงใหม่ แต่นะนำว่า ควรศึกษาช่วงเวลาและการพายเรืออย่างปลอดภัยก่อน ..เมื่อพร้อมแล้ว ก็ ลุ้ยยยย...
8. Backpack.. แบกเป้แนวขาลุยปิดเทอมนี้ แบกเป้คู่ใจพร้อมหนีบเพื่อนสัก 3-4 คน ไปเที่ยวสไตล์ติดดิน เอามันส์กันดีกว่า มีทุนหน่อย ก็ไปลุยที่ฮิปๆ อย่างทิเบต ญี่ปุ่น จีน หรือไม่ก็ไปภูฎานนั่นเล้ยย (ที่ความฮิตยังไม่สร่างซา) ส่วนใครนิยมท่องเที่ยวไทยก็ไม่ควรพลาด กิจกรรมเดินป่า ปีเขา พายเรือยแคนนู ขี่จักรยานเสือภูเขา เที่ยวกันสไตล์คนเอ็กซ์ตรีมสุดเหวี่ยงกันไปเลย
9. ท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agrotourism)อย่ามัวทำตัวเชย ไม่เคยไปเที่ยวชม ชิม ซื้อผลิตภัณฑ์สวนเกษตรล่ะ ลองไปสัมผัสดู ได้ทั้งความรู้ เกี่ยวกับรูปแบบกิจกรรม และการประกอบอาชีพทางการเกษตรแบบรู้ลึก รู้จริง จะชมสวนกาแฟ ดูการผลิต ชิมกาแฟสด หรือจะไปนั่งล้อเกวียน ชมการปลูกผัก ผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ เก็บผลผลิตกันที่ศูนย์วิจัยพืชสวน จ. แพร่ ก็สนุกไม่แพ้กัน ลองหาข้อมูล แล้วไปเที่ยวกัน รับรองว่า ได้เที่ยวเพลินจนลืมกลับบ้านแน่..
แนะนำเว็บไซต์น่าสนใจ เกี่ยวกับการเที่ยวแบบนี้ Home Stay

10. ดูดาว ..เอาบรรยากาศไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งที ไม่ว่าจะภูเขาหรือทะเล ควรหาโอกาสแหงนมองฟ้า ดูดาวยามค่ำคืน แล้วจะรู้ว่าบรรยกาศแบบนี้ ไม่ได้หาดูง่ายๆ ในกรุงเทพฯ เลือกวันที่ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆ ฝนไม่ตก ดูดาวอยู่ริมหาด หรือดื่มด่ำบรรยากาศดาวเต็มฟ้า อยู่บนภูเขาสูงกับเพื่อนสนิท หรือคนรู้ใจ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ













11. กินอาหารบนแพ ริมเขื่อนถ้าขี้เกียจไปเที่ยวไหนไกลๆ ขอแนะนำให้ไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี หาที่กิน เปลี่ยนบรรยกาศบ้าง จะไปรถยนต์ หรือจะใช้บริการการรถไฟ ก็สะดวกเหมือนกัน ที่นี่มีจุดชมวิวที่สวยงาม ที่สำคัญ มีร้านอาหารให้นั่งชิลๆ กินบรรยกาศบนแพริมเขื่อนด้วยเกิดอากาศร้อนๆ ก็กระโจนลงน้ำเดี๋ยวนั้นเลยก็ยังได้
12. กินอาหารทะเล.. ไม่เห็นต้องไปถึงทะเลช่วงซัมเมอร์ ใครๆ ก็แห่ไปทะเลกัน ลองหนีผุ้คนมาพักผ่อนสบายๆ แบบบรรยกาศชายทะเล ใกล้กรุงเทพฯ กัน ที่ดอนหอยหลอด จ.สมุทรสงคราม กินอาหารทะเลสดๆ รับลมโชย หรือขับรถไปเที่ยวบางปู จ.สมุทรปราการ มีร้านอาหารทะเลการันตีความอร่อย เพียบบบบ มาช่วงเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตก ถึงจะเป็นน้ำกร่อย แต่ขอรับรอง ทริปนี้ไม่มีกร่อยแน่ค่ะ

13. เที่ยวฟาร์มนกกระจอกเทศวันไหนอากาศดีๆ ขับรถไปเที่ยวฟาร์มนกกระจอกเทศกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ จังหวัดพิจิตร เพชรบุรี ลพบุรี หรืออย่างที่ จ.เพชรบูรณ์ ที่ฟาร์มของ พล.ต. สนั่น ที่มีลักษณะเป็นรีสอร์ตให้พักค้างคืน สูดอากาศดีๆ มีบึงให้พายเรือ ขี่จักรยานหรือจะมาตั้งแคมป์ ท่ามกลางธรรมชาติ ชมไร่องุ่นและฟาร์มนกกระจอกเทศ ซื้อของฝากก่อนกลับ้าน ลองจัดโปรแกรมเที่ยวสัก 2 วัน 1 คืน ก็สนุกสุดๆ แล้ว
14. ชมเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการเที่ยวเมืองโบราณที่เดียวก็คุ้มสุดๆ เพราะที่นี่ได้จำลองสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานสำคัญๆ จากทุกภาคของประเทศ มาให้เที่ยวชมกันทั้งวัน ลองขับรถเที่ยวหรือเช่าจักรยานขี่รอบเมืองก็ได้ ศึกษาประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรมทั่วไทย แถมได้ถ่ายรูปกันเพลินเชียวล่ะ


15. สยาม โอเชี่ยน เวิลด์ช่วงที่สยามโอเชี่ยน เวิลด์ เปิดใหม่ๆ น้องๆ คงกำลังขะมักเขม้นกับการเรียนกันอยู่ ปิดเทอม ก็ได้โอกาสไปลองของใหม่กับโลกใต้ทะเลแล้ว ที่นี่มีปลาทะเลสวยๆ สัตว์ทะเลหน้าตาแปลกๆ ในบรรยากาศเย็นๆ ให้ได้ตื่นตากันถึง 7 โซน ล่าสุดเขาจัดกิจกรรมดำน้ำกับฉลามด้วย พลาดไม่ได้เด็ดขาด เอาต์แล้วจะหาไม่เตือน (นะเออ)







16. ไหว้พระเก้าวัดช่วงนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชน กำลังรณรงคืให้วัยรุ่นไทย หันมาใส่ใจ และใกล้ชิดพระธรรมกันมากขึ้น เอ้า! เกาะกระแสกับเขาหน่อย ขอแนะนำให้ไปไหวัพระ 9 วัด ให้ได้บุยกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะวัดใน จ.อยุธยา เพราะที่นี่มีวัดสำคัญๆ มากมายอยู่ใกล้ๆ กัน สมัครพรรคพวกนั่งรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ช่วงสายๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง เหมารถสามล้อพาเที่ยววัดทั่วเมือง แวะกินก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาก่อนกลับ ก็สนุกไปอีกแบบ
17. เวิร์ก แอนด์ ทราเวลอยู่ประเทศไทยร้อนนัก หนีไปเปิดโลก กับกิจกรรม เวิร์ก แอนด์ ทราเวลดีกว่า เพราะกิจกรรมนี้ น้องๆ จะได้ฝึกทั้งทักษะการทำงาน พร้อมกับได้เงินค่าตอบแทน ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แถมให้รางวัลชีวิตด้วยการได้เที่ยว งานนี้ได้ทั้งฝึกภาษาและการใช้ชีวิต ยอมลงทุนสักนิด กำไรชีวิตก็รออยู่ตรงหน้า สนใจก็ไม่ยาก หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

18. เป็นล่าม คนไหนที่มั่นใจในวิทยายุทธ์ทางภาษามากๆ แนะนำให้ลองหารายได้เสริมจากการเป็นล่ามดู งานนี้หาได้ไม่ยาก ลองศึกษาได้จากคุณครูสอนภาษาที่โรงเรียน หรือจากบริษัทรับงานโดยตรง ซึ่งก็ต้องทำใจกันหน่อย เพราะบริษัทหักค่าเปอร์เซ็นต์ไปบ้าง แต่กคุ้ม เพราะประสบการณ์แบบนี้ ท้าทายความสามารถมากๆ เลยค่ะ สำหรับผุ้ที่สนใจอาชีพล่าม ลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หรือว่า โพสต์แนะนำตัว เพื่อหารายได้เสริมได้ที่นี่เลย


19. เรียนทำอาหาร เพิ่มเสน่ห์ปลายจวักใครที่อยากเพิ่มสน่ห์ให้กับตัวเอง การเรียนทำอาหารก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ปิดเทอมทั้งที น่าจะลองไปทำอาหารกันสักคอร์ส สองคอร์ส พอจะมีวิชาติดตัวเพิ่มดีกรีให้กับตัวเอง จะเป็นอาหารไทย หรือนานาชาติ ของว่าง ขนมอบ ไว้ทำกินที่บ้านหรือเป็นของขวัญสำหรับรู้ใจ ก็เป็นความคิดที่ดีนะจ๊ะ เข้าครัวคราวหน้าจะได้มั่นใจขึ้นไง
20. เรียนจัดดอกไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับชีวิตและเติมสีสันให้กับวันว่าง ไปเรียนจัดดอกไม้กันดีกว่า เพราะนอกจากจะมีความสุข อยู่ท่ามกลางดอกไม้หลากสีแล้ว ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้หญิงเราด้วยนะ เดี๋ยวนี้เขามีหลักสูตรการจัดให้เลือกตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดแบบสากลที่สอนกันตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงเป็นมืออาชีพ หรือทำเก๋เรียนการจัดแบบอิเคบานะ (Ikebana) แบบญี่ปุ่นก็อินเทรนด์น่าดู

..... สุขสันต์วันปิดเทอมนะคะ...........

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

วันสตรีสากล

ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา กรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าได้ลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงการเอาเปรียบ กดขี่ ขูดรีด ทารุณ จากนายจ้างที่เห็นผลผลิตสำคัญกว่าชีวิตคน ความเป็นอยู่ของแรงงานสตรีในเมืองชิคาโก ว่ากันว่าไม่ต่างอะไรจากทาสนิโกรในเงื้อมมือคนผิวขาว เพราะต้องทำงานวันละ 12-15 ชั่วโมง แต่ได้รับค่าแรงานเพียงน้อยนิดส่วนสตรีตั้งครรภ์มักถูกไล่ออก ในที่สุดภายใต้การนำของ คลาร่า เซทคิน ผู้นำกรรมกรสตรีโรงงานทอผ้าชาวเยอรมันลุกฮือขึ้นสู้ด้วยการเดินขบวนนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907 โดยเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานจากวันละ 12-15 ชั่วโมง ให้เหลือวันละ 8 ชัวโมงพร้อมทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการภายในโรงงาน และให้สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย ในการเรียกร้องครั้งนี้ แม้จะมีหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากสตรีทั้งโลก และส่งผลให้วิถีการผลิตแบบทุนนิยมเริ่มสั่นคลอน
แต่อย่างไรก็ตามอีก 3 ปีต่อมา คือ ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1910 ข้อเรียกร้องของเหล่าบรรดากรรมกรสตรีก็ประสบความสำเร็จ เมื่อตัวแทนสตรีจาก 18 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี โดยให้ลดเวลาทำงานให้เหลือเพียงวันละ 8 ชั่วโมง ศึกษาหาความรู้ 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และกำหนดให้ค่าแรงงานสตรีเท่าเทียมกับค่าแรงงานชาย อีกทั้งยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กอีกด้วย นอกจากนั้นในการประชุมครั้งนั้น ยังได้มีการรับรองข้อเสนอของ คลาร่า เซทคิน ด้วยการประกาศให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล
วันสตรีสากลไม่ได้เป็นเพียงวันที่กลุ่มสตรีทั่วโลกร่วมฉลองกันท่านั้น แต่เป็นวันที่องค์กรสหประชาชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วย และอีกหลายประเทศได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดประจำชาติของตน กลุ่มสตรีจากทุกทวีปไม่ว่าจะแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือ การเมืองก็ตาม ได้รวมตัวกันเพื่อฉลองวันสำคัญนี้ เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้อันยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาคความยุติธรรม สันติภาพ และการพัฒนา ผลจากการตัดสินใจของที่ประชุม ณ กรุงโคเปนเฮเกน ทำให้มีการจัดกิจกรรมวันสตรีสากลขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1911 ในประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ มีประชาชนทั้งหญิงชายมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้องสิทธิในการทำงาน การเข้ารับการอบรมในวิชาชีพ และให้ยุติการแบ่งแยกในการทำงานในปีถัดมาได้มีการจัดกิจกรรมวันสตรีสากลเพิ่มขึ้นในประเทศฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน และในปี ค.ศ. 1913 มีการจัดชุมนุมวันสตรีสากลในรัสเซียเป็นครั้งแรก ที่นครเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก แม้ว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางก็ตาม วันสตรีสากลได้จัดขึ้นโดยเชิดชูคำขวัญของขบวนการสันติภาพ ทั้งนี้เพื่อต่อต้านสงครามที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในยุโรปนับตั้งแต่ปีแรกๆ เป็นต้นมา ความสำคัญของการฉลองวันสตรีสากลได้ทวีมากขึ้น โดยมีสตรีในทวีปแอฟริกา เอเชียและละตินอเมริกา เริ่มร่วมมือกันเพื่อทบทวนความก้าวหน้าของการต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกัน และเพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งพยายามผลักดันให้มีการตระหนักในเรื่องสิทธิมนุษยชนของสตรีอย่างสมบูรณ์
ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาต่อเวทีโลกที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับบทบาทและสถานภาพสตรีโดยได้มีการดำเนินการทั้งในแง่กฏหมาย นโยบาย มาตรการและกิจกรรมต่างๆ ในการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย คือ เจตนารมณ์ให้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้ การควบคุมทรัพยากร เพื่อให้หลุดจากการกีดกันต่างๆ ให้สตรีได้มีโอกาสรับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างเท่าเทียม

นมโรงเรียน










นมโรงเรียนเป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากขึ้น และช่วยให้เด็กไทยมีพลานามัยที่แข็งแรง แต่การทุจริตนมโรงเรียนมีมาตั้งแต่เริ่มโครงการ โดยเฉพาะที่ผู้จัดซื้อ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือเทศบาล โดยการเรียกผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ประกอบการ จากความหวังดีในการจัดตั้งโครงการนี้ กลับกลายเป็นปัญหาคาใจที่ต้องทางแก้มาตลอดเกือบทุกรัฐบาล ล่าสุด ศธ.เสนอให้มีการโซนนิ่งการจัดซื้อเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรไทย ให้เปลี่ยนการผลิตจากการปลูกข้าว อ้อย ข้าวโพด หรือมันสำปะหลัง มาเลี้ยงโคนมแทน เนื่องจากเวลานั้นเกษตรกรประสบปัญหาพืชผลทางการเกษตรที่ราคาเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไม่แน่นอนเมื่อเกษตรกรหันมาเลี้ยงโคนม ปรากฏว่าไม่มีตลาดรองรับ ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีมติคณะรัฐมนตรี จัดตั้ง "โครงการนมโรงเรียน" ขึ้นในปี 2535 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิตโคนม อีกทั้งส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แก่เด็กและเยาวชนโครงการนมโรงเรียนนี้ รัฐบาลจัดงบสนับสนุนในขณะนั้นปีละ 1,700 ล้านบาท พร้อมทั้งมีเงื่อนไขว่า น้ำนมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในโครงการนมโรงเรียนต้องเป็นน้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศเริ่มปัญหาน้ำนมดิบในประเทศราคาสูง เป็นเหตุให้นำนมผงผสมลดต้นทุนแม้ว่าจะเป็นนโยบายที่ดูดี แต่ในทางปฏิบัติกลับเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากราคาน้ำนมดิบที่เกษตรกรผลิต กับราคานมผงที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาแตกต่างกันมาก โดยน้ำนมดิบของเกษตรกรในประเทศราคาโดยประมาณอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท ในขณะที่นมผงที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคากิโลกรัมละ 8 บาทโรงงานผลิตนม พยายามบิดเบือนนโยบายของรัฐโดยแอบเอานมผงผสมน้ำเพื่อทำเป็นนมในโครงการนมโรงเรียน ความเดือดร้อนตกอยู่ที่เกษตรกรไทยเนื่องจากราคาแข่งขันกับนมผงในตลาดต่างประเทศไม่ได้รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการจำกัดโควตานำเข้านมผง จากต่างประเทศ แต่มาตรการดังกล่าวขัดกับหลักการค้าเสรี ขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการกีดกันทางการค้า และต้องยกเลิกไปในที่สุดปัญหาการแข่งขันของราคานมที่เป็นวัตถุดิบเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อประเทศสหรัฐ ประกาศใช้กฎหมาย Farm Act 2002 การบังคับใช้กฎหมายนี้ทำให้ภาคเกษตรกรรมในประเทศสหรัฐฯ ได้รับเงินอุดหนุนถึง 189,000 ล้านดอลลาร์อเมริกัน ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ผลของ Farm Act ทำให้เกษตรกรในประเทศสหรัฐได้รับผลประโยชน์หลายอย่าง อาทิ ไม่มีการเก็บภาษีน้ำมันที่ใช้ในภาคการเกษตร การลดภาษีเครื่องจักร หรือวัตถุดิบที่ใช้ในการเกษตร ทำให้สินค้าด้านการเกษตร มีราคาต่ำลง โดยเฉพาะนมผงที่มาจากสหรัฐฯ มีราคาอยู่ที่ประมาณ 6 บาทต่อกิโลกรัมกำลังผลิดน้ำนมดิบมีตลอดปี เกิดปัญหานมล้นตลาดช่วงปิดเทอมหากพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว ปัญหาเรื่องนมล้นตลาดไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในแต่ละวันมีความต้องการน้ำนมดิบสูงถึง 1,900 ตัน แต่เกษตรกรผลิตได้เพียง 1,200-1,300 ตันต่อวันเท่านั้นแต่ปัญหาเรื่องนมล้นตลาดที่เกิดขึ้นมีอยู่ 2 ประการคือ 1.การใช้เล่ห์เหลี่ยมของผู้ประกอบการไม่ใช้น้ำนมดิบ 100% เป็นส่วนประกอบ และ 2.ในช่วงปิดเทอมก็มีปัญหาไม่มีที่ระบายน้ำนมดิบของเกษตรกร จึงเกิดปัญหานมล้นตลาด (Over supply) ดังที่เห็นได้จากข่าวที่เกษตรกรโคนมนำนมมาเททิ้งประท้วงอยู่บ่อย ๆ ในช่วงปิดเทอมปัญหาที่สำคัญคือเกษตรกรไม่สามารถควบคุมปริมาณการผลิตน้ำนมดิบได้ โดยน้ำนมดิบของเกษตรกรจะมีตลอด 365 วันหรือทั้งปี ขณะที่โครงการนมโรงเรียนมีโควตาให้เด็กนักเรียนเพียงแค่ 200 วัน เฉพาะในช่วงเปิดเทอมดังนั้นในช่วงปิดเทอมนมโรงเรียนก็เกิดปัญหาอีกเนื่องจากโรงงานไม่รับซื้อมาผลิต เพราะไม่มีความต้องการจากโรงเรียน รัฐบาลจึงแก้ปัญหาโดย เพิ่มโควตาช่วงปิดเทอมให้อีก 30 วัน เป็น 230 วันโดยในการจัดการนั้น คือให้เด็กนักเรียนหิ้วกลับบ้านในครั้งเดียว 30 กล่อง เพื่อนำไปดื่มในช่วงปิดเทอมแต่ปัญหาที่ตามมาคือ โรงงานผลิตนมขนาดเล็ก และขนาดกลางไม่สามารถผลิตนมที่มีอายุอยู่ได้ถึง 30 วัน เนื่องจากระบบการผลิตนมให้อยู่ได้นานถึง 30 วัน ต้องผลิตในระบบ UHT ซึ่งมีอายุนานกว่า แต่คุณภาพและสารอาหารน้อยกว่า นมพาสเจอไรซ์ทำให้บริษัทที่ผลิตนมขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายดังกล่าวยังไม่มีเครื่องมือตรวจสอบ ว่าน้ำนมดิบแท้หรือปนนมผงต้องไม่ลืมว่าเงื่อนไขของรัฐบาลคือนมโครงการนมโรงเรียนต้องทำจากน้ำนมดิบ 100% แต่การตรวจสอบเพื่อดูว่ามีการผสมนมผงลงไปหรือไม่ นั้นดร.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. เปิดเผยว่า ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ขณะนี้ทั้งในประเทศและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ยังไม่มีประเทศใดสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการปลอมปนนมผงเข้าไปหรือไม่นอกจากนี้ นมที่ผลิตจากโรงงานขนาดใหญ่มีราคาถูกกว่านมที่ผลิตโดยโรงงานขนาดเล็ก การแข่งขันด้านราคาสู้ไม่ได้ ทำให้โรงงานขนาดเล็กซึ่งรับน้ำนมดิบภายในประเทศเดือดร้อน รัฐบาลจึงเข้ามาแทรกแซงการจัดซื้อโดยกำหนดเป็น “คูปองนม” เพื่อช่วยเหลือโรงงานขนาดเล็ก กล่าวคือ การจะขายนมให้ส่วนราชการได้ ผู้ขายจะต้องมีคูปองนมซึ่งจะสามารถบอกจำนวนนมที่จะขายได้ ปัญหาที่ตามมาคือเกิดการฮั้วกันระหว่างผู้ผลิตและผู้จัดซื้อ โดยในจังหวัดนั้นๆ ได้ถูกกำหนดแล้วว่าใครจะเป็นผู้ชนะการประกวดราคาหรือสอบราคาการแบ่งโซน เพื่อช่วยให้โรงงานขนาดเล็กสามารถแข่งขันได้ แม้เปลี่ยนรูปแบบการจัดการ แต่ทุจริตก็ยังตามมาได้ตลอดจากการสำรวจการดำเนินการตาม "โครงการนมโรงเรียน" เบื้องต้นในจังหวัด ลพบุรี สระบุรี และนครราชสีมา อาจารย์ใรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ได้เปิดเผยว่า ในโรงเรียนที่ตนสังกัดอยู่นั้น ก็ยังมีการทุจริตนมโรงเรียน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดการมากี่ครั้งแล้วก็ตาม"การทุจริตนมโรงเรียน มีอยู่หลักๆ 3 วิธี วิธีแรกคือผู้ผลิตทำการทุจริตโดยแอบเอานมผงเข้าไปเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารัฐบาลไม่มีการแทรกแซงเลย บริษัทผู้ผลิตนมก็จะพากันแข่งขันกันลดคุณภาพนมเพื่อลดต้นทุนการผลิต ในระยะยาวจะทำให้มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือผู้ผลิตรายย่อย และนักเรียนที่จะต้องดื่มนมที่มีคุณภาพด้อยลง""วิธีที่สองคือการฮั้วการประมูลนมโรงเรียนโดยการแบ่งโซนนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ เนื่องจากผู้มีอำนาจใช้เครื่องมือการแบ่งโซนเอื้อผลประโยชน์ต่อโรงงานผลิตนมของเอกชน วิธีที่ 3 คือการกินหัวคิว โดยกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ผู้ผลิตจะต้องจ่ายให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดซื้อนม"มาตรการล่าสุดในการแก้ปัญหาของรัฐบาลคือ การแบ่งโซนแบบใหม่ โดยกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้กำหนดให้ทางโรงเรียนจัดซื้อนมจากโรงงานผลิตนม โดยโรงเรียนจะต้องทำรายละเอียดเสนอด้วยว่าจะรับนมจากโรงงานนมแห่งใด โดยยึดว่าโรงงานต้องอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่เกิน 100 กิโลเมตร และเป็นนมพาสเจอไรซ์การใช้วิธีนี้เชื่อว่าจะแก้ปัญหานมโรงเรียนได้ ทำให้เด็กดื่มนมได้ภายในเช้าวันนั้นหรือก่อนเที่ยง เพราะระยะทาง 100 กิโลเมตร สามารถจัดส่งได้สะดวก นอกจากนี้ยังช่วยให้โรงงานนมในท้องถิ่นสามารถแข่งขัน กับโรงงานนมขนาดใหญ่ได้ด้วย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปหารือร่วมกัน โดย ศธ.มีหน้าที่เสนอแผนให้ กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาระวังโซนนิ่ง 100 กิโลเมตร จะได้นมคุณภาพต่ำ โรงงานนมลดต้นทุน แข่งกันดั๊มราคาอย่างไรก็ตาม อ.สมเจษ ใจภักดี ผู้จัดการโครงการสหกรณ์โคนมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี จ.ลพบุรี กล่าวถึง การกำหนดโซน รัศมี 100 กิโลเมตรที่กำลังจะดำเนินการนั้น ข้อดีคือทำให้เด็กได้ดื่มนมที่สด และมีคุณภาพมากขึ้นแต่ข้อเสียคือการกระจุกตัวของโรงงานผลิตนม โดยข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเพียง 2 จังหวัดเท่านั้นคือนราธิวาสและภูเก็ตที่มีปัญหาไม่มีโรงงานในพื้นที่บริการในทางกลับกันหากมีในเขตพื้นที่บริการใดมีโรงงานผลิตนมมากเกินไป ปัญหาเรื่องการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ ก็จะตามมาอย่างแน่นอน คือแข่งขันกันลดคุณภาพ ลดราคานม ผลเสียก็จะตกอยู่กับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานที่มีพื้นที่รัศมีอยู่กับโรงงานขนาดใหญ่แม้ว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการจัดโซนนิ่งอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่ถ้าวัตถุดิบหรือน้ำนมดิบในประเทศยังคงมีราคาสูง ด้านผู้ผลิตก็ต้องพยายามบิดเบือนการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตของตัวเองลง ซึ่งก็เป็นช่องทางการฮั้วกัน โดยมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการระบายนมที่ไม่มีคุณภาพสู่โรงเรียนเป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องหาคำตอบว่า การค้าเสรีตามหลักขององค์การการค้าโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ประเทศไทยจะทำอย่างไร เพื่อให้น้ำนมดิบในประเทศสามารถแข่งขันได้ และถ้าหากมีการจัดโซนรัศมีขึ้นแล้วจะสร้างความยุติธรรมในการกำหนดโควตาการขายของแต่ละโรงงานได้อย่างไรทั้งนี้ทั้งนั้นจิตสำนึกร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญมาก หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นโรงงานผู้ผลิตนม ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดซื้อนม ตระหนักถึงอนาคตของเด็กๆ ที่จะมีสุขภาพอนามัยแข็งแรงมีสมองพัฒนาประเทศในอนาคต และเห็นอกเห็นใจเกษตรกรผู้ยากจนในสังคมไทย ให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ ปัญหาต่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น