วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สิ่งแรกในโลก...
*ผ้าพิมพ์ลายผืนแรก
ผู้คิดค้นวิธีการพิมพ์ลวดลายต่างๆ และสีสันสวยงามลงบนผืนผ้าเป็นคนแรกคือชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์โรเบิรต์ ฟิลเขาทดลองวาดภาพบนสังกะสีเรียบ แล้วนำผ้าไปวางทับ ก่อนที่จะใช้เครื่องอัด อัดทับผืนผ้าอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อคลายเครื่องอัดออกก็ปรากฎลวดลายสวยงามที่ผืนผ้านั้น และจากนั้นเอง เขาก็ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ลวดลายต่างๆลงบนผ้าให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนผ้าพิมพ์ลายได้รับความนิยมแพร่หลายตราบจนทุกวันนี้
กางเกงยีนส์ตัวแรก
กางเกงยีนส์ที่คนทั่วโลกทั้งหญิงและชายนิยมสวมใส่กันอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นผลงานของชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อผ้าในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เขาผู้นี้มีชื่อว่า ลีวาย สเตราส์ จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ การผลิตกางเกงขายาวเพื่อให้คนงานทำเหมืองได้สวมใส่ ซึ่งจะต้องเป็นกางเกงที่มีความทนทาน สมบุกสมบันเป็นเยี่ยม ซึ่งต่อมาภายหลัง มิได้มีแต่เพียงคนงานเท่านั้นที่นิยมชมชอบ แต่คนทุกสาขาอาชีพก็นิยมใส่กางเกงยีนส์กันทั่วทั้งโลก
กางเกงยีนส์ที่คนทั่วโลกทั้งหญิงและชายนิยมสวมใส่กันอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นผลงานของชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อผ้าในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เขาผู้นี้มีชื่อว่า ลีวาย สเตราส์ จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ การผลิตกางเกงขายาวเพื่อให้คนงานทำเหมืองได้สวมใส่ ซึ่งจะต้องเป็นกางเกงที่มีความทนทาน สมบุกสมบันเป็นเยี่ยม ซึ่งต่อมาภายหลัง มิได้มีแต่เพียงคนงานเท่านั้นที่นิยมชมชอบ แต่คนทุกสาขาอาชีพก็นิยมใส่กางเกงยีนส์กันทั่วทั้งโลก
ปากกาลูกลื่นด้ามแรก
นักหนังสือพิมพ์ชื่อ ปิโร ชาวฮังการี ได้พยายามคิดค้นปากกาแบบใหม่ที่ไม่ต้องคอยเติมน้ำหมึกบ่อย ๆ ให้เลอะเทอะ และเขียนได้คล่องกว่าปากกาหมึกซึม โดยการใส่เหล็กกลมขนาดเล็กเข้าไปในตัวปากกาเพื่อบังคับน้ำหมึกและให้เขียนได้อย่างลื่นไหลต่อมาในปี พ.ศ. 2486 เขาได้พัฒนาน้ำหมึกที่ใช้กับปากกาลูกลื่นได้ผลดีมาจนถึงทุกวันนี้
ต้นตำรับยางรถยนต์
ล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่าง ๆ ที่ทำด้วยยางที่ใช้กันทั่วไปทุกวันนี้นั้น ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2382 โดยผู้วชาญชื่อ ชาร์ลส์ กูดเยียร์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน เขาพบว่า ด้วยเนื้อยางเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและต่อการใช้งานอย่างหนักได้เขาจึงได้นำยางดิบผสมกับกำมะถันและตะกั่ว และลนด้วยไฟ จึงได้เนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นและสามารถคงรูปเดิมอยู่ได้ ไม่ว่าสภาพอากาศหรืออุณหภูมิจะเปลี่ยนไปจนกระทั่งนำมาทำเป็นล้อรถดังเช่นทุกวันนี้
จักรยานคันแรก
รถจักรยานคันแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้งานเป็นผลงานของชาวสก็อตแลนด์ชื่อ แพทริก แมคมิลแลน เมื่อปี ค.ศ. 1839 ซึ่งต่อมามันเป็นพาหนะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จักรยานยุคแรก ๆ ใช้ล้อที่เป็นยางตัน แต่ภายหลังได้พัฒนายางที่สามารถสูบลมเข้าไปได้ ทำให้มีความเบา วิ่งได้เร็ว และลดแรงสะเทือนอีกทั้งยังคิดระบบเบรก เพื่อให้หยุดได้ทุกเมื่ออย่างมีประสิทธิภาพ
เฮลิคอปเตอร์ลำแรก
ผู้คิดสร้างเฮลิคอปเตอร์เป็นคนแรกคือ อิกอร์ ซิคอร์สกี้ ชาวรัสเซีย ด้วยความคิดที่จะให้มันบินขึ้นลงได้ในแนวดิ่ง ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ทางวิ่งเหมือนเช่นเครื่องบินทั่ว ๆ ไปซิคอร์สกี้ ได้ย้ายมาอยู่อเมริกา และสร้างเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งหลังจากนั้น มันก็ได้ถูกพัฒนาให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้
กำเนิดมอเตอร์ไซค์
เมื่อแพทริก แมคมิลแลน ประดิษฐ์จักรยานสองล้อถีบได้ไม่นาน ก็มีผู้คิดเครื่องจักรไอน้ำขนาดเล็ก นำมาติดตั้งเข้ากับจักรยานสองล้อถีบ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพ เพราะไม่มีความสะดวกสบายในการนำมาใช้งานจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1885 ก้อทเลี๊ยบ เดมพ์เลอร์ ก็ได้คิดค้นดัดแปลงจักยานสองล้อที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้นำมันเชื้อเพลิงได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบกันสะเทือน ตลอดจนระบบเบรก และล้อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ระเบิดปรมาณลูกแรก
ในปี พ.ศ. 2488 สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะยุติสงครามโลกครั้งที่สองให้ได้โดยเร็วด้วยการใช้อาวุธชนิดใหม่ที่เพิ่งคิดค้นได้สำเร็จ สิ่งนั้นก็คือ ระเบิดปรมาณู อันเป็นระเบิดที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงส่งมากมายมหาศาลระเบิดปรมาณูลูกแรกถูกทิ้งจากเครื่องบินลงมายังเมือง ฮิโรชิมา ของญี่ปุ่น ทำให้เมืองทั้งเมืองพินาศย่อยยับ ผู้คนล้มตายนับแสน ที่เหลือก็บาดเจ็บสาหัสพิกลพิการไปจนตลอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ยังมีคำถามอยู่เสมอ ๆ ว่า จำเป็นด้วยหรือกับการฆ่าคนเป็นแสนเป็นล้านเพียงเพื่อยุติสงคราม
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
คำจำกัดความของเกรด


A = animal สมองน้อย
อันเกรด A เขาว่าเหมือนเช่นสัดว์
วันๆ ฟัดแต่ตำราน่าอดสู
A Animal สมองน้อยหงอยน่าดู
สงสัยครู ให้ได้ไง ไม่ค่อยเจอ
B = basic ก็แค่พื้นๆ
B Basic ใครๆก็ทำได้
เพราะมันง่ายกันไปจนน่าขำ
คนว่า"เบ" เกินไปเลยไม่ทำ
กลัวตอกย้ำความเบสิกสะกิดใจ
C = common ธรรมดา งั้นๆ
C Common แบบนี้สิใช้ได้
คนทั่วไปยอมรับและนับถือ
เกรดแบบนี้ได้มาเรียก "ฝีมือ"
แต่ก็ถือว่ายังอ่อนเกินไป
D = diligent ฉลาด หลักแหลม
D Deligent เกรดสุดฮิตของคนขยัน
ฟิตทั้งวันแต่เลคเชอร์ไม่เคยสน
conc. วิชา จีบสาว ม่อเกินทน
สุดยอดคน นายเยี่ยมมาก พูดจากใจ
F = fever เก่งจนเกิดกระแสความดัง
เกรดใดๆไม่เท่า F Fever
ได้กันเกร่อรู้ทั่วถึงไหนๆ
ใครได้มา ก็ Fever น่าชื่นใจ
แล้วค่อยไป เรียนซัมเมอร์ ด้วยกันเอย.
สาธุ...........
คำสอนของพระพุทธเจ้าในนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งกล่าวถึงเรื่องของ เหตุแลผล ของกรรม ที่เราท่านได้ประสบกับเรื่องราวต่างๆทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง ซึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงตรัสไว้ถึง เหตุ และผลแห่งกรรม หลายๆคนคิดว่า ทำไมฉันเป็นอย่างนั้น ทำไมต้องเจอเรื่องแบนี้ ทำไม เราไม่รวย สวย หล่อ เหมือเขาเหล่านี้ ล้วนมิใช่เรื่องบังเอิญทั้งสิ้น เราลองมาอ่านและพิจารณากันนะครับ เพื่อที่เราจะได้เผชิญเรื่องราวต่างๆได้อย่างมีสติ และแก้ปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่าอดีตชาติได้ประกอบแต่กรรมดี จึงเกิดมาเป็นคนที่มียศสูงศักดิ์ และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพ ผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้
ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใดชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูปสิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเองเครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประกับกายดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นง่ายหากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ไฉนเลยจะได้รับ
มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน
ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม
มีปัญญามีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า
มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
ไม่มีพ่อมีแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา
เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น
ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน
ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
“หากถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบันหากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน”
พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่าอดีตชาติได้ประกอบแต่กรรมดี จึงเกิดมาเป็นคนที่มียศสูงศักดิ์ และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพ ผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้
ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใดชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูปสิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเองเครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประกับกายดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นง่ายหากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ไฉนเลยจะได้รับ
มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน
ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม
มีปัญญามีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า
มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
ไม่มีพ่อมีแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา
เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น
ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน
ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
“หากถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบันหากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน”
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
โรคตาแดง
อืม..วันนี้ไปสอบPAT5มาเจอเพื่อนๆหลายคนเป็นโรคตาแดงกันเยอะนะ รวมถึงเราด้วยก็เลยอยากมาบอกอาการและการป้องกันการเป็นโรคตาแดงให้ฟังกัน

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
อาการของโรคตาแดง
แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
-ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
-ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
-ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
3.ตาแดงเป็นข้องหนึ่งหรือสองข้าง
-เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
-เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
-ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์
4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ
แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
-ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
-ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
-ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
3.ตาแดงเป็นข้องหนึ่งหรือสองข้าง
-เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
-เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
-ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์
4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ
การตรวจร่างกาย
-คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
-ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
-ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
-การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
การป้องกันโรคตาแดง
-อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
-อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
-ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
-ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
-อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
-อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
-ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
-อย่าสัมผัสมือ
-เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค
-คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
-ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
-ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
-การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
การป้องกันโรคตาแดง
-อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
-อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
-ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
-ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
-อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
-อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
-ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
-อย่าสัมผัสมือ
-เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค
การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
-ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
-ล้างมือบ่อยๆ
-อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
-ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
-อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
-เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
-ตามัวลง
-ปวดตามากขึ้น
-กรอกตาแล้วปวด
-ไข้
ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
-น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
-แพ้แสงอย่างมาก
-ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
-ล้างมือบ่อยๆ
-อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
-ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
-อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
-เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
-ตามัวลง
-ปวดตามากขึ้น
-กรอกตาแล้วปวด
-ไข้
ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
-น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
-แพ้แสงอย่างมาก
โรคตาแดงจากการติดเชื้อไวรัส Viral Conjunctivitis
เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ adenovirus มักจะระบาดในชุมชน โรงเรียน ที่ทำงาน การติดต่อมักจะติดต่อโดยการสัมผัสทางมือ เครื่องมือ สระว่ายน้ำ
อาการที่สำคัญคือตาแดงเฉียบพลัน น้ำตาไหล เยื่อบุตาบวม ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต เคืองตาเล็กน้อย บางรายอาจจะมีเลือดออกที่ตาขาว อาจจะเป็นข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยลามมาอีกข้างหนึ่ง
เนื่องจากโรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงสัมผัสกับคนอื่นเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่เกิดอาการ การรักษาเป็นเพียงประคับประคองโดยการประคบเย็น ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของ steroid เพราะจะทำให้หายช้า
เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ adenovirus มักจะระบาดในชุมชน โรงเรียน ที่ทำงาน การติดต่อมักจะติดต่อโดยการสัมผัสทางมือ เครื่องมือ สระว่ายน้ำ
อาการที่สำคัญคือตาแดงเฉียบพลัน น้ำตาไหล เยื่อบุตาบวม ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต เคืองตาเล็กน้อย บางรายอาจจะมีเลือดออกที่ตาขาว อาจจะเป็นข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยลามมาอีกข้างหนึ่ง
เนื่องจากโรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงสัมผัสกับคนอื่นเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่เกิดอาการ การรักษาเป็นเพียงประคับประคองโดยการประคบเย็น ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของ steroid เพราะจะทำให้หายช้า
โรคตาแดงจากโรคภูมิแพ้ Allergic Conjunctivitis
เกิดจากการได้รับสารภูมิแพ้จากอากาศ มักจะเป็นฤดูกาล มักจะเป็นสองข้างมีอาการคันตาเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงตาบวม การรักษาต้องหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ ประคบเย็น ยาหยอดตาแก้แพ้ ยาหยอดตาลดการอักเสบ ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน
ตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bacterial Conjunctivitis
ตาแดงจากการติดเชื้อหนองใน
ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียมักจะเป็นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเริ่มต้นมีขี้ตาเป็นหนอง ตาแดงอย่างรวดเร็ว กดตาจะเจ็บ เคืองตามาก ตาบวม หนังตาบวม เชื้อที่เป็นสาเหตุคือเชื้อหนองใน N. gonorrhoeae และเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น Neisseria meningitidis ตาแดงจากเชื้อหนองในมักจะเกิดในเด็กทารกมักจะเกิดภายใน 3-5 วันหลังจากคลอดโดยได้รับเชื้อจากแม่ขณะคลอด การรักษาต้องหยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ล้างตาด้วยน้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด ceftriaxone ciprofloxacin Spectinomycin
เกิดจากการได้รับสารภูมิแพ้จากอากาศ มักจะเป็นฤดูกาล มักจะเป็นสองข้างมีอาการคันตาเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงตาบวม การรักษาต้องหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ ประคบเย็น ยาหยอดตาแก้แพ้ ยาหยอดตาลดการอักเสบ ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน
ตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bacterial Conjunctivitis
ตาแดงจากการติดเชื้อหนองใน
ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียมักจะเป็นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเริ่มต้นมีขี้ตาเป็นหนอง ตาแดงอย่างรวดเร็ว กดตาจะเจ็บ เคืองตามาก ตาบวม หนังตาบวม เชื้อที่เป็นสาเหตุคือเชื้อหนองใน N. gonorrhoeae และเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น Neisseria meningitidis ตาแดงจากเชื้อหนองในมักจะเกิดในเด็กทารกมักจะเกิดภายใน 3-5 วันหลังจากคลอดโดยได้รับเชื้อจากแม่ขณะคลอด การรักษาต้องหยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ล้างตาด้วยน้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด ceftriaxone ciprofloxacin Spectinomycin
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เคล็ดไม่ลับกับการเรียน

1.เมื่อถึงเวลาเรียน พยายามจดจ่ออยู่กับอาจารย์ พยายามคุยกะเพื่อนให้น้อยที่สุด เพราะเราจะได้เกิดสมาธิและความจำ และพยายามนั่งหน้าให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรานั่งหลังเราจะเห็นคนที่อยู่หน้าเรา เวลาเค้าหยุกหยิก เราก็จะคอยสังเกต (เอะ เป็นไร ประมาณเนี้ย) จึงควรไปนั่งหน้า และพยายามจดในสิ่งที่อาจารย์พูด หรือฟังแล้วสรุปลงในสมุด ไปเรียนทุกครั้งควรมีสมุดมาจดทุกครั้ง เพราะการจด มันเป็นร่องรอยของความจำ
2.เมื่อรู้ว่ามีสอบ เช่น กลางภาค อย่างน้อยที่สุดต้องให้เวลาตัวเองประมาณ สองถึงสามอาทิตย์ในการอ่านหนังสือและทำย่อสรุป
3.เมื่อกะเวลาได้แล้ว
5.จากนั้น อ่านแล้วทำสรุป 1 รอบ
6.อ่านแบบเจาะลึกและให้เข้าใจในหนังสือ 1 รอบ
7.จากนั้น ก็ไม่ต้องสนใจหนังสือ เพราะกะเวลาดูแล้วน่าจะเหลือประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนสอบ เราก็อ่านย่อสรุปที่เราทำประมาณ 1-3 รอบ (แล้วแต่ความขยันในเวลานั้น)
8.พยายามคิดพยายามทวน ในหัวเรา เวลาลืมก็จะได้รีบเปิดมาทวนได้ทัน
9.ก่อนสอบ ไม่ควรอ่านอะไรเลย เราต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ใช่หน้าห้องสอบอย่างเนี้ย แล้วมาเปิดอ่านอีก มันจะไปตีกันในหัวเรา เวลาสอบสมองเราจะไม่เป็นระบบ การที่มาอ่านหน้าห้องสอบ เอาไว้สำหรับพวกที่ความจำดี ก็น่าจะใช้ได้ แต่อย่างไร ในเมื่อเราเตรียมตัวมาพร้อมแล้วก็ไม่ควรกลัว
10.ถ้าเป็นปลายภาค ถ้าทำได้ขอแนะนำ เตรียมตัว 4 อาทิตย์ก่อนสอบ แต่ถ้าไม่ไหวก็นั้นแหละ 3-2 อาทิตย์ก่อนสอบ
11.เวลาไม่เข้าใจอะไรก็ควรถามเพื่อน มาแลกเปลี่ยนกัน เพราะการอภิปรายกันจะทำให้ทัศนคติ และความคิดของเรากว้างขึ้น บางทีคนหนึ่งเข้าใจบทนี้อีกแนวหนึ่ง คนนั้น ก็เข้าใจบทนี้อีกแนวอีก มันจะก็ให้เกิดความแตกต่างและเราก็จะบูรณาการมาใช้ได้ทั้งหมดนี้รับรอง ถ้าทำตามได้รับรอง ทำข้อสอบไม่ได้ ก็ไม่รู้จะช่วยไงแล้วเมื่อเราพร้อม ทุกอย่างพร้อม ความรู้ สติ ก็จะพร้อม เหมือนนักกีฬาที่หมั่นฝึกซ้อมอยู่เสมอ เวลาแข่งเค้าก็จะทำได้อย่างเต็มที่
ในเมื่อเราพร้อม และมันยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็จะทำใจได้ ว่าเรา ได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ความเครียดหรืออะไรต่างๆนาๆ ก็จะไม่มารบกวนเราอย่างแน่นอน

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ก่อนสอบมาบำรุงสมองด้วย 2 เมนูนี้กันดีกว่า
-จะสอบแล้ว กินน้ำซักแก้วก็แจ่ม
ข้อมูลการกินอาหารบำรุงสมองนี้ ได้มาจากศึกษา 2 กลุ่มตัวอย่างของ อาจารย์แคโรลีน เอดมอนส์ และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสท์ ลอนดอน อังกฤษ ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างเด็กๆ อายุ 7-9 ปี ประมาณ 60 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ดื่มน้ำ 250 มิลลิลิตรก่อนสอบ 20 นาที และอีกกลุ่มไม่ได้ดื่มน้ำเพิ่ม หลังจากนั้นให้เด็กๆ หาจุดแตกต่างระหว่างการ์ตูน 2 ตัว ผลการศึกษาพบว่า เด็กๆ ที่ได้ดื่มน้ำก่อนสอบทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำ 34% เมื่อให้ทำแบบทดสอบที่ยากขึ้น กลุ่มที่ดื่มน้ำทำคะแนนได้ดีกว่า 23%
-ในน้ำมีปลา จับมากินเสริมไอคิวซักตัวเถอะ
มีการศึกษาอีกรายงานหนึ่งที่ทำโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเตนบวก ประเทศสวีเดน ที่ทำการศึกษาในเด็กผู้ชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี โดยมอบปลาให้อาสาสมัครอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า เด็กๆ ที่กินปลามากกว่า สามารถทำแบบทดสอบไอคิว (IQ) ได้คะแนนดีกว่า และจากการศึกษายังพบอีกว่า การกินปลาช่วยให้สมองเด็กทารกทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงสมรรถภาพสมองเสื่อมลงในคนวัยกลางคน นอกจากนั้นเด็กๆ ที่คุณแม่กินปลาในระหว่างตั้งครรภ์ (ท้อง) ก็มีพัฒนาการดีกว่า อีกด้วย
ข้อมูลการกินอาหารบำรุงสมองนี้ ได้มาจากศึกษา 2 กลุ่มตัวอย่างของ อาจารย์แคโรลีน เอดมอนส์ และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสท์ ลอนดอน อังกฤษ ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างเด็กๆ อายุ 7-9 ปี ประมาณ 60 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ดื่มน้ำ 250 มิลลิลิตรก่อนสอบ 20 นาที และอีกกลุ่มไม่ได้ดื่มน้ำเพิ่ม หลังจากนั้นให้เด็กๆ หาจุดแตกต่างระหว่างการ์ตูน 2 ตัว ผลการศึกษาพบว่า เด็กๆ ที่ได้ดื่มน้ำก่อนสอบทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำ 34% เมื่อให้ทำแบบทดสอบที่ยากขึ้น กลุ่มที่ดื่มน้ำทำคะแนนได้ดีกว่า 23%
-ในน้ำมีปลา จับมากินเสริมไอคิวซักตัวเถอะ
มีการศึกษาอีกรายงานหนึ่งที่ทำโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเตนบวก ประเทศสวีเดน ที่ทำการศึกษาในเด็กผู้ชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี โดยมอบปลาให้อาสาสมัครอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า เด็กๆ ที่กินปลามากกว่า สามารถทำแบบทดสอบไอคิว (IQ) ได้คะแนนดีกว่า และจากการศึกษายังพบอีกว่า การกินปลาช่วยให้สมองเด็กทารกทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงสมรรถภาพสมองเสื่อมลงในคนวัยกลางคน นอกจากนั้นเด็กๆ ที่คุณแม่กินปลาในระหว่างตั้งครรภ์ (ท้อง) ก็มีพัฒนาการดีกว่า อีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)