วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โรคตาแดง

อืม..วันนี้ไปสอบPAT5มาเจอเพื่อนๆหลายคนเป็นโรคตาแดงกันเยอะนะ รวมถึงเราด้วยก็เลยอยากมาบอกอาการและการป้องกันการเป็นโรคตาแดงให้ฟังกัน

โรคตาแดงเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง
อาการของโรคตาแดง
แพทย์จะถามถึงยาที่ท่านรับประทาน ยาหยอดตา เลนส์ น้ำยาล้างตา รยะเวลาที่เป็น อาการที่สำคัญคือ
1.คันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้
2.ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง
-ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
-ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง
-ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
3.ตาแดงเป็นข้องหนึ่งหรือสองข้าง
-เป็นพร้อมกันสองข้างโดยมากมักจะเกิดจากภูมิแพ้
-เป็นข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเป็นสองข้างสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือ Chlamydia
-ผู้ที่มีโรคตาแดงข้างเดียวแบบเรื้อรัง ชนิดนี้ต้องส่งปรึกษาแพทย์

4.อาการปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ มักจะเกิดจากโรคชนิดอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบเป็นต้น ดังนั้นหากมีตาแดงร่วมกับปวดตาหรือมองแสงไม่ได้ต้องรีบพบแพทย์
5.ตามัว แม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์
6.ประวัติอื่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา น้ำตาเทียม เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ

การตรวจร่างกาย
-คุณลองคลำต่อมน้ำเหลืองรอบหู หากคลำได้อาจจะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส หรือจากสัมผัสสารระคายเคือง ส่วนเชื้อแบคทีเรียมักจะคลำไม่ได้ต่อมน้ำเหลือง
-ในรายที่เป็นไม่มากไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม
-ในรายที่เป็นรุนแรง เป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรังควรจะต้องตรวจเพาะเชื้อจากขี้ตา
-การนำขี้ตามาย้อมหาตัวเชื้อก็พอจะบอกสาเหตุของโรคตาแดง
การป้องกันโรคตาแดง
-อย่าใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
-อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกัน
-ล้างมือบ่อยๆ อย่าเอามือเข้าตา
-ใส่แว่นตากันถ้าต้องเจอสารเคมี
-อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
-อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
-ยาเมื่อไม่ได้ใช้ให้ทิ้ง
-อย่าสัมผัสมือ
-เช็ดลูกบิดด้วยน้ำสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค

การรักษาตาแดงด้วยตัวเอง
-ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที
-ล้างมือบ่อยๆ
-อย่าขยี้ตาเพราะจะทำให้ตาระคายมากขึ้น
-ใส่แว่นกันแดด หากมองแสงสว่างไม่ได้
-อย่าใส่ contact lens ช่วยที่มีตาแดง
-เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน เปลี่ยนหมอนทุก 2 วัน
หากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์
-ตามัวลง
-ปวดตามากขึ้น
-กรอกตาแล้วปวด
-ไข้
ให้ยาไปแล้ว 48 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น
-น้ำตายังไหลอยู่แม้ว่าจะได้ยาครบแล้ว
-แพ้แสงอย่างมาก

โรคตาแดงจากการติดเชื้อไวรัส Viral Conjunctivitis
เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ adenovirus มักจะระบาดในชุมชน โรงเรียน ที่ทำงาน การติดต่อมักจะติดต่อโดยการสัมผัสทางมือ เครื่องมือ สระว่ายน้ำ
อาการที่สำคัญคือตาแดงเฉียบพลัน น้ำตาไหล เยื่อบุตาบวม ต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโต เคืองตาเล็กน้อย บางรายอาจจะมีเลือดออกที่ตาขาว อาจจะเป็นข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยลามมาอีกข้างหนึ่ง
เนื่องจากโรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงสัมผัสกับคนอื่นเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่เกิดอาการ การรักษาเป็นเพียงประคับประคองโดยการประคบเย็น ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของ steroid เพราะจะทำให้หายช้า

โรคตาแดงจากโรคภูมิแพ้ Allergic Conjunctivitis
เกิดจากการได้รับสารภูมิแพ้จากอากาศ มักจะเป็นฤดูกาล มักจะเป็นสองข้างมีอาการคันตาเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงตาบวม การรักษาต้องหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ ประคบเย็น ยาหยอดตาแก้แพ้ ยาหยอดตาลดการอักเสบ ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน
ตาแดงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bacterial Conjunctivitis
ตาแดงจากการติดเชื้อหนองใน
ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียมักจะเป็นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเริ่มต้นมีขี้ตาเป็นหนอง ตาแดงอย่างรวดเร็ว กดตาจะเจ็บ เคืองตามาก ตาบวม หนังตาบวม เชื้อที่เป็นสาเหตุคือเชื้อหนองใน N. gonorrhoeae และเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น Neisseria meningitidis ตาแดงจากเชื้อหนองในมักจะเกิดในเด็กทารกมักจะเกิดภายใน 3-5 วันหลังจากคลอดโดยได้รับเชื้อจากแม่ขณะคลอด การรักษาต้องหยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ล้างตาด้วยน้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด ceftriaxone ciprofloxacin Spectinomycin

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดไม่ลับกับการเรียน


1.เมื่อถึงเวลาเรียน พยายามจดจ่ออยู่กับอาจารย์ พยายามคุยกะเพื่อนให้น้อยที่สุด เพราะเราจะได้เกิดสมาธิและความจำ และพยายามนั่งหน้าให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรานั่งหลังเราจะเห็นคนที่อยู่หน้าเรา เวลาเค้าหยุกหยิก เราก็จะคอยสังเกต (เอะ เป็นไร ประมาณเนี้ย) จึงควรไปนั่งหน้า และพยายามจดในสิ่งที่อาจารย์พูด หรือฟังแล้วสรุปลงในสมุด ไปเรียนทุกครั้งควรมีสมุดมาจดทุกครั้ง เพราะการจด มันเป็นร่องรอยของความจำ

2.เมื่อรู้ว่ามีสอบ เช่น กลางภาค อย่างน้อยที่สุดต้องให้เวลาตัวเองประมาณ สองถึงสามอาทิตย์ในการอ่านหนังสือและทำย่อสรุป

3.เมื่อกะเวลาได้แล้ว

4.อ่านหนังสือคร่าวๆ 1 รอบ พอเข้าใจ

5.จากนั้น อ่านแล้วทำสรุป 1 รอบ

6.อ่านแบบเจาะลึกและให้เข้าใจในหนังสือ 1 รอบ

7.จากนั้น ก็ไม่ต้องสนใจหนังสือ เพราะกะเวลาดูแล้วน่าจะเหลือประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนสอบ เราก็อ่านย่อสรุปที่เราทำประมาณ 1-3 รอบ (แล้วแต่ความขยันในเวลานั้น)

8.พยายามคิดพยายามทวน ในหัวเรา เวลาลืมก็จะได้รีบเปิดมาทวนได้ทัน

9.ก่อนสอบ ไม่ควรอ่านอะไรเลย เราต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ใช่หน้าห้องสอบอย่างเนี้ย แล้วมาเปิดอ่านอีก มันจะไปตีกันในหัวเรา เวลาสอบสมองเราจะไม่เป็นระบบ การที่มาอ่านหน้าห้องสอบ เอาไว้สำหรับพวกที่ความจำดี ก็น่าจะใช้ได้ แต่อย่างไร ในเมื่อเราเตรียมตัวมาพร้อมแล้วก็ไม่ควรกลัว

10.ถ้าเป็นปลายภาค ถ้าทำได้ขอแนะนำ เตรียมตัว 4 อาทิตย์ก่อนสอบ แต่ถ้าไม่ไหวก็นั้นแหละ 3-2 อาทิตย์ก่อนสอบ

11.เวลาไม่เข้าใจอะไรก็ควรถามเพื่อน มาแลกเปลี่ยนกัน เพราะการอภิปรายกันจะทำให้ทัศนคติ และความคิดของเรากว้างขึ้น บางทีคนหนึ่งเข้าใจบทนี้อีกแนวหนึ่ง คนนั้น ก็เข้าใจบทนี้อีกแนวอีก มันจะก็ให้เกิดความแตกต่างและเราก็จะบูรณาการมาใช้ได้ทั้งหมดนี้รับรอง ถ้าทำตามได้รับรอง ทำข้อสอบไม่ได้ ก็ไม่รู้จะช่วยไงแล้วเมื่อเราพร้อม ทุกอย่างพร้อม ความรู้ สติ ก็จะพร้อม เหมือนนักกีฬาที่หมั่นฝึกซ้อมอยู่เสมอ เวลาแข่งเค้าก็จะทำได้อย่างเต็มที่

ในเมื่อเราพร้อม และมันยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็จะทำใจได้ ว่าเรา ได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ความเครียดหรืออะไรต่างๆนาๆ ก็จะไม่มารบกวนเราอย่างแน่นอน



วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ก่อนสอบมาบำรุงสมองด้วย 2 เมนูนี้กันดีกว่า

-จะสอบแล้ว กินน้ำซักแก้วก็แจ่ม
ข้อมูลการกินอาหารบำรุงสมองนี้ ได้มาจากศึกษา 2 กลุ่มตัวอย่างของ อาจารย์แคโรลีน เอดมอนส์ และคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสท์ ลอนดอน อังกฤษ ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างเด็กๆ อายุ 7-9 ปี ประมาณ 60 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ดื่มน้ำ 250 มิลลิลิตรก่อนสอบ 20 นาที และอีกกลุ่มไม่ได้ดื่มน้ำเพิ่ม หลังจากนั้นให้เด็กๆ หาจุดแตกต่างระหว่างการ์ตูน 2 ตัว ผลการศึกษาพบว่า เด็กๆ ที่ได้ดื่มน้ำก่อนสอบทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำ 34% เมื่อให้ทำแบบทดสอบที่ยากขึ้น กลุ่มที่ดื่มน้ำทำคะแนนได้ดีกว่า 23%
-ในน้ำมีปลา จับมากินเสริมไอคิวซักตัวเถอะ

มีการศึกษาอีกรายงานหนึ่งที่ทำโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเตนบวก ประเทศสวีเดน ที่ทำการศึกษาในเด็กผู้ชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี โดยมอบปลาให้อาสาสมัครอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า เด็กๆ ที่กินปลามากกว่า สามารถทำแบบทดสอบไอคิว (IQ) ได้คะแนนดีกว่า และจากการศึกษายังพบอีกว่า การกินปลาช่วยให้สมองเด็กทารกทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงสมรรถภาพสมองเสื่อมลงในคนวัยกลางคน นอกจากนั้นเด็กๆ ที่คุณแม่กินปลาในระหว่างตั้งครรภ์ (ท้อง) ก็มีพัฒนาการดีกว่า อีกด้วย

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2552


สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทั่วทุกภาคชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2552 นี้ระหว่างเวลา 15.30-18.00 น. โดยประมาณ
สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้เป็นสุริยุปราคาแบบวงแหวน โดยจะมองเห็นได้ตามเส้นทางที่พาดผ่านมหาสมุทรอินเดีย และตะวันตกของอินโดนีเซีย ส่วนสุริยุปราคาบางส่วนจะมองเห็นได้เป็นบริเวณกว้างตามเส้นทางที่เงามัวของดวงจันทร์พาดผ่าน เช่น ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ มาดากาสการ์ ออสเตรเลีย อินเดียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินโดนีเซีย
สำหรับประเทศไทยจะเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน และสามารถเห็นได้ทุกภูมิภาค โดยแต่ละภูมิภาคจะเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน ที่กรุงเทพฯ นั้นดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สัมผัสที่ 1 ในเวลาประมาณ 15.53 น. และสิ้นสุดเหตุการณ์ในเวลา 17.58 น. ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในครั้งนี้จะเกิดนานที่สุดในภาคใต้ คือ ประมาณ 2 ชั่วโมง 22 นาทีที่จังหวัดนราธิวาส โดยดวงอาทิตย์จะถูกดวงจันทร์บดบังมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 54.9 ของพื้นที่ดวงอาทิตย์
สำหรับจังหวัดนครสวรรค์ เราสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ตั้งแต่ เริ่มเข้าคราส 15 นาฬิกา 57 นาที 30 วินาที คราสลึกสุด 17 นาฬิกา 0 นาที 58 วินาที คราสสิ้นสุด 17 นาฬิกา 57 นาที 24 วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบัง 27.25 % ........ ........ แต่เน้นว่าห้ามดูด้วยตาเปล่าโดยเด็ดขาด นะคะ ต้องดูด้วยอุปกรณ์ที่ปลอดภัยเท่านั้น

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

14 กรกฎาคม วันชาติฝรั่งเศส





ในตอนนั้น ชนชั้นกลางมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เนื่องจากชนกลุ่มนี้มีการศึกษาดี ร่ำรวย แต่ไม่มี สิทธิในทาง การเมือง การปกครอง เทียบเท่าชนชั้นพระ และชนชั้นขุนนาง จึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเก่า และได้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจเอาไว้ โดยเข้าร่วม การปฏิวัติในอเมริกา ซึ่งมีสาระสำคัญในทางทฤษฎีว่าด้วยสิทธิิ ตามธรรมชาติิของมนุษย์ และสองนักปราชญ์แห่งยุคคือ วอลแตร์ กับ มองเตสกิเออ นำทฤษฎีดังกล่าวมาสอนประชาชน ในขณะเดียวกัน มาควิส เดอ ลา ฟาแยตต์ (Marquis de la Fayett) ซึ่งทำสงคราม ช่วยเหลือ ชาวอาณานิคม ในอเมริกาต่อต้านอังกฤษจนได้ชัยชนะ ก็นำความคิดนี้มาเผยแพร่ จึงทำให้ ประชาชนชาวฝรั่งเศส ดิ้นรนเรียกร้อง ให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพยิ่งขึ้น
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ประเทศฝรั่งเศสมีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่ 16 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งราชวงศ์บูรบอง (Bourbon)บ้านเมืองอยู่ในระยะของสงครามอังกฤษ เพื่อแย่งชิงอาณานิคม ทำให้การเงินการคลังของประเทศล้มละลาย ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัดขาดแคลน แต่ในทางกลับกัน ราชสำนักกลับมีความเป็นอยู่อย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย ชนชั้นขุนนางได้รับการยกเว้น ภาษี ส่วนประชาชน ที่มีความยากจนอยู่แล้วต้องถูกทางการรีดภาษีอย่างหนัก ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก

ในตอนนั้น ชนชั้นกลางมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เนื่องจากชนกลุ่มนี้มีการศึกษาดี ร่ำรวย แต่ไม่มี สิทธิในทาง การเมือง การปกครอง เทียบเท่าชนชั้นพระ และชนชั้นขุนนาง จึงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเก่า และได้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจเอาไว้ โดยเข้าร่วม การปฏิวัติในอเมริกา ซึ่งมีสาระสำคัญในทางทฤษฎีว่าด้วยสิทธิิ ตามธรรมชาติิของมนุษย์ และสองนักปราชญ์แห่งยุคคือ วอลแตร์ กับ มองเตสกิเออ นำทฤษฎีดังกล่าวมาสอนประชาชน ในขณะเดียวกัน มาควิส เดอ ลา ฟาแยตต์ (Marquis de la Fayett) ซึ่งทำสงคราม ช่วยเหลือ ชาวอาณานิคม ในอเมริกาต่อต้านอังกฤษจนได้ชัยชนะ ก็นำความคิดนี้มาเผยแพร่ จึงทำให้ ประชาชนชาวฝรั่งเศส ดิ้นรนเรียกร้อง ให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพยิ่งขึ้น

เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1789 ประชาชนซึ่งมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น ได้บุกเข้าปล้นสะดมบ้านของพวกขุนนาง กรุงปารีสมีแต่่ ความวุ่นวาย ชนชั้นกลางได้รวมตัวกันก่อตั้งกองทหารรักษาการณ์แห่งชาติเข้าร่วม กับประชาชนทำลายคุกบาสติลย์ ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการปลดแอกอำนาจการปกครองโดยกษัตริย์ นับเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ยิ่ง และสำคัญของโลก
ผลกระทบของเหตุการณ์ได้แพร่ไปสู่ประเทศอื่นๆในยุโรป โดยเฉพาะในรัสเซีย กล่าวคือระยะแรกของการปฏิวัติ ประมาณปี ค.ศ. 1791ได้มีการ ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใช้ กษัตริย์ต้องอยู่ใต้กฎหมาย และรัฐสภา ก็มีเพียงสภาเดียว คือ สภานิติบัญญัติ ชนชั้นกรรมาชีพมีบทบาทในการปกครอง แต่ด้วยความเกรงกลัวว่า การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ์จะแพร่ขยายไปทั่วยุโรป ทำให้ออสเตรียและปรัสเซียยกทัพรุกฝรั่งเศสแต่ไม่สำเร็จ ทางสภานิติบัญญัติจึงยกเลิกระบบ ราชาธิปไตยและประกาศเป็นประเทศสาธารณรัฐ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1792 และตั้งสภาใหม่ขึ้นมา และในปี 1793 ก็ได้สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์และพระนางมารี อังตัวเนต์ด้วยการประหารชีวิตด้วยเครื่องประหาร กิโยตีน แม้ผลการปฏิวัติจะสำเร็จ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังมีฐานะยากจนเหมือนเดิม รัฐบาลยังมุ่งแต่กอบโกยผลประโยชน์กัน จนมีบุคคลคนหนึ่งแสวงหาอำนาจโดย เป็นเครื่องมือ ให้ประชาชนเลื่อมใส และยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของตน บุคคลผู้นี้คือนโปเลียนโบนาปาร์ต

นโปเลียนได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาติเพราะอาศัยความล้มเหลวของรัฐบาลสถาปนาตนเป็นแม่ทัพใหญ่คุมกองทัพ ออกไปรบชนะออสเตรเลียในปี ค.ศ.1797 ทั้งยังแพร่ขยายอาณาเขตไปทั่วยุโรป จนปี ค.ศ. 1804 ได้สถาปนาตนเอง ขึ้นเป็นจักรพรรดินโปเลียน และพยายาม ที่จะครอบครอง รัซเซียให้ได้ จึงทำสงคราม กับรัสเซีย และเป็นครั้งแรก ที่นโปเลียนแพ้ ทำให้ชนชาติต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเกิดกำลังใจที่จะต่อต้าน เมื่อนโปเลียน ได้ถูกเนรเทศไปยังเกาะอัลบา พระเจ้าหลุยส์ได้กลับมาครองราชย์ใหม่แต่เพียงระยะสั้นๆ ในปี ค.ศ.1815 นโปเลียนหนีกลับมาได้ อีกครั้งและประกาศตนเป็นจักรพรรดิ รวบรวมกำลังทหารเข้าต่อสู้กับ ฝ่ายพันธมิตร ต่างๆ เกิดสงครามวอเตอร์ลูขึ้น แต่ฝรั่งเศสก็รบแพ้ ทำให้ นโปเลียนถูกส่งขังที่เกาะเซนต์เฮเลนา นับเป็นการสิ้นสุดการครอง บัลลังก์เพียง 100 วันของนโปเลียน แล้วเขาก็เสียชีวิตบนเกาะนี้

ในปี ค.ศ. 1821 พระ เจ้าหลุยส์ที่ 18 กลับมาขึ้นครองราชย์อีกครั้ง แต่พระอนุชาคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 ทรงพยายาม ฟื้นฟูระบบเก่าขึ้นมาอีก จึงมีการปฏิวัติขึ้นอีก พระเจ้าหลุยส์ฟิลิปซึ่งดำรงตำแหน่งกษัตริย์อยู่ ได้ถูกเนรเทศออกนอก ประเทศ และต่อมาก็ได้มีการสถาปนา สาธารณรัฐขึ้น เป็นครั้งที่ 2 โดยมีหลุยส์นโปเลียนทำการรัฐประหารตั้งตัวเองขึ้น เป็นจักรพรรดิ ซึ่งพระองค์ทำให้ชาติฝรั่งเศสมีความเข้มแข็ง มั่นคงขึ้น สภาพทุกอย่าง ในประเทศดีขึ้น และมีการขยาย อาณานิคมไปยังประเทศต่างๆ
ในปี ค.ศ. 1860 พระเจ้าหลุยส์นโปเลียน สถาปนาจักรพรรดิฝรั่งเศสในเม็กซิโกแต่ไม่สำเร็จ เพราะ ถูกอเมริกา ขัดขวางไว้ และยังต้องทำ สงคราม กับปรัสเซียอีก ฝรั่งเศสก็เป็นฝ่ายแพ้อีกครั้งและต้องเสียดินแดนในแคว้นอัลซาสให้แก่ ปรัสเซีย อีกด้วย ซึ่งทำให้พระองค์ต้องสละราชบัลลังก์

ในปี ค.ศ.1875 มีการสถาปนาฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3 ยุคของนโปเลียนสิ้นสุดลง ทำให้ประเทศฝรั่งเศสอ่อนแอ เป็นอย่างมาก ต้องเสียดินแดน ให้ผู้รุกราน ประจวบกับเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เป็นเหตุให้ฝรั่งเศส ยิ่งบอบช้ำ ขึ้นไปอีก ภายหลัง ได้มี ีการเซ็นสัญญาสงบศึกที่ Vinchy แล้วฝรั่งเศสก็ประกาศตัวเป็นอิสรภาพ โดยความช่วยเหลือ จากฝ่ายพันธมิตรต่างๆ ในเดือนกันยายนปี 1944 นายพลชาลส์เดอโกล์ ก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ในปี ค.ศ.1946 ซึ่งเป็นยุคของสาธารณรัฐที่ 4

ระหว่างปี ค.ศ. 1946-1958 นายพลเดอโกล์ กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำอีกครั้ง ระหว่างที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมวิกฤติการณ์ใน แอลจีเรีย เขาทำให้ ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีสังคม เปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และพัฒนาฝรั่งเศสดีขึ้นในหลายๆด้าน ทำให้เป็นที่ ยอมรับจากผู้คนที่นิยมในตัวเขา และให้สถาปนาฝรั่งเศส เป็นสาธารณรัฐ เป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958-ปัจจุบัน ต่อมามีการชุมนุม ประท้วง รัฐบาลในกรุงปารีส ทำให้รัฐบาล ต้องยอมรับมติประชาชนที่ว่าด้วยการปฏิรูป กฎหมาย รัฐธรรมนูญนายพลเดอโกล์จึงขอลาออกจากตำแหน่ง














ในวันที่ 10 พ.ค. ปี ค.ศ. 1981 ฝรั่งเศสได้ประธานาธิบดีคนใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง คือประธานาธิบดีฟรังซัวส์ มิตแตร์รองด์ ผู้สมัครจากพรรค สังคมนิยม จึงบริหารงานด้วยระบอบสังคมนิยม และอยู่ในต่ำแหน่ง 14 ปีด้วยกัน จนกระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่ึงทำให้ นายฌาคส์ ชีรัค ผู้สมัครจาก พรรคสังคมนิยมเช่นเดียวกันเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เข้ารับการเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1995
สำหรับความสัมพันธ์ของไทยและฝรั่งเศสนั้น มีมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของ สมเด็จ พระนารายณ์มหาราช แต่ก็ต้องสิ้นสุดลง เพราะ การเมือง การปกครองของฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย .. ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสไม่ราบรื่น เพราะไทยพอใจทำการค้า กับจีน และมลายูมากกว่าประเทศ ทางยุโรป

จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฝรั่งเศสเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่จุดประสงค์ คือต้องการที่จะให้ไทยเป็นเมืองขึ้น แต่ด้วย พระปรีชาสามารถของพระองค์ทำให้รอดพ้นเหตุการณ์นั้นมาได้
ปัจจุบันประเทศไทยได้รับวัฒนธรรมต่างๆของฝรั่งเศสเข้ามา ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง.






วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ 2009 หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ระบาดทั่วโลก


ข่าวคราวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 ปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 แล้ว แต่ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกกังวลว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะสร้างความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ทั้งนี้ประเทศแถบเอเชียใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้กระปุกจึงนำเรื่องราวของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้ค่ะ
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนภัยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระดับ 5 หมายถึง มีการติดต่อของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน และแพร่ระบาดไปอย่างน้อยสองประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 12,954 รายแล้ว ใน 46 ประเทศ และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 92 ราย ขณะที่ในประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 85 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 4,721 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2552)
การติดต่อโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009



เชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีการติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป และเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยระยะฟักเชื้อของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน หากผู้ป่วยได้รับเชื้อมากระยะฟักตัวก็จะเร็ว ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยด้วยว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้เชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด รวมทั้งติดต่อกันทางลมหายใจ หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และสามารถติดต่อได้จากมือ หรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทั้งนี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ซึ่งสามารถแพ้เชื้อได้ ตั้งแต่ผู้ติดเชื้อยังไม่ปรากฎอาการ หรือหลังจากปรากฎอาการไข้แล้ว
ขณะที่นักวิชาการขององค์การอนามัยโลก ระบุไว้ว่า โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีอัตราการแพร่ระบาดมากกว่าโรคซาร์ส และไข้หวัดนก แต่อัตราการเสียชีวิตมีน้อยกว่า คืออยู่ที่ร้อยละ 5-7 ขณะที่โรคไข้หวัดนกมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 60

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009

เมื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรากฎอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่มีอาการรุนแรงกว่าและรวดเร็วกว่า นั่นคือ มีไข้สูงราว 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตามข้อ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ปอดบวม เบื่่ออาหาร บางรายอาจท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน จากนั้นเชื้อจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีการทรงตัวผิดปกติ เดินเอนไปเอนมาเหมือนคนเมาสุรา นอกจากนี้อาจสูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ ห้าวันหลังจากมีอาการ ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้ นาน 10 วัน
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอักเสบตามมา รวมถึงหัวใจวาย และอาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งโรคแทรกซ้อนนี้สามารถคร่าชีวิตได้ หากผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และติดยาเสพติด เป็นต้น

ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วพบว่าตัวเองมีไข้สูง 38.5 องศา มีไข้นานเกิน 7 วัน เจ็บหน้าอก ปวดท้อง อาเจียน มีจุดเลือดตามตัว ตาเหลือง เจ็บคอมาก มีเสมหะสีเขียวๆ เหลืองๆ ผิวสีม่วง หรือได้พยายามรักษาตัวเองแล้ว แต่ยังไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ด้วยวิธี PCR ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้สามารถหาเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และควรเข้ารับการตรวจรักษาภายในห้องตรวจพิเศษ Negative Pressure เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อไวรัสต่อไปยังผู้อื่น
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009


โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งวิธีการป้องกันการติดต่อของโรคได้ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด และล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งผู้ที่ป่วยเป็นหวัด ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโอกาสการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จะเข้าไปผสมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลในตัวผู้ป่วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเชื้อใหม่ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดื้อยาเพิ่มขึ้น และแพร่ระบาดจากคนสู่คนมากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้หากใครที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และมีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที เพื่อจะได้เฝ้าระวังและรักษาได้ทัน



วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ถาพสวยๆกับความหมายดีของชีวิต


คนบางคนใช้ชีวิต ดังเช่นกระท่อม ..
โดดเดียว .. สมถะ ..
แต่ก็มีน้ำใจ .. ช่วยเหลือนักเดินทางอยู่เสมอๆ ..



แม้ว่าเส้นทางที่เราเลือก..
จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ..
แต่ก็เป็นเส้นทาง.. ที่เราเลือกเดินเอง ..

กาแฟ แม้มีรสขม .. แต่ก็ทำให้เราเข้มแข็ง ..
เช่นเดียวกับความรักที่ผิดหวัง ..
ที่แม้พลาดพลั้ง ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ ..

พักผ่อน เป็นสิ่งสำคัญ ..
หากว่าวันนี้อ่อนล้า แต่ยังคงไม่พักผ่อน ..
แล้วพรุ่งนี้จะมีแรงสู้กับอุปสรรคได้อย่างไร ..

เก้าอี้ที่ว่างเปล่า .. ไม่ได้บ่งบอกว่า ร้านนี้อาหารไม่อร่อย ..
อันที่จริง .. เราอาจแค่ มาก่อนเวลา ..



แม้ว่า ลมหนาว .. จะทำให้เราหนาวเย็นสักเท่าไร ..
ขอเพียงใจเราอบอุ่น .. จะใส่ใจไปทำไมกับลมหนาว ..


เรารัก คนที่เรารัก ได้ตลอดเวลา ..
แม้แต่ตัวเราเอง ก็อาจไม่รู้สึกเลยว่า ..
ความรักของเรา เป็นเช่นนั้นจริงๆ ..


ทางโค้ง .. แม้จะเป็นอุปสรรค์ที่ยากลำบาก ..
แต่ก็เป็นสีสัน .. ทำให้การเดินทาง .. มีชีวิตชีวา ..


ระยะทางแม้ยาวไกล .. หากใจมุ่งมั่น ..
แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ..
แต่ก็สามารถไปถึงที่หมาย .. ไม่ต่างกัน ..


แม้ว่าพระอาทิตย์ ลาลับไป .. จงอย่าเสียใจ เข้มแข็งไว้ ..
วันพรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะกลับมาใหม่ .. และอบอุ่น เช่นเดิม ..


แม้ว่าจะเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล .. ก็ไม่ควรเร่งร้อน ..
เพราะถ้าตกบันได ..เราอาจต้องกลับมาเริ่มใหม่ ..